Lookalike Audience คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร?
Lookalike Audience คือ กลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมและลักษณะคล้ายกับลูกค้าปัจจุบันของเรา ด้วยลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีแนวโน้มสนใจสินค้าหรือบริการแบบเดียวกันของเรา
โดย Facebook Lookalike Audienceจะวิเคราะห์จากฐานข้อมูล Custom Audience ของเรา เช่น
- รายชื่ออีเมลลูกค้า
- คนที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์
- ผู้ที่เคยซื้อสินค้า หรือมีส่วนร่วม (Engagement) กับเพจ
จากนั้น Facebook จะใช้ Algorithm Machine Learning เพื่อหาคนที่มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับลูกค้ากลุ่มนั้นมากที่สุดมาเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับยิงแอดให้เรานั่นเอง
อ่านบทความที่น่าสนใจ:รู้ก่อนได้เปรียบ! สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำก่อนเริ่มยิง Facebook Ads
แล้ว Custom Audience คืออะไร ต่างกับ Lookalike Audience อย่างไร?
คำถามสำคัญที่คนยิงแอดต่างต้องเคยสับสนกันก็คือ Lookalike Audience กับ Custom Audience ต่างกันอย่างไรแน่ ถ้าเข้าใจความต่างของ 2 อย่างนี้ รับรองว่ายิงแอดคมขึ้น 10 เท่าแน่นอน
Custom Audience คือ ต้นแบบ ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมที่เรามีข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งจะใช้กับเทคนิคการยิงแอดแบบ Retargeting ในการยิงแอดซ้ำหาลูกค้าเก่าของเรา เพื่อทำการปิดการขาย รักษาฐานลูกค้า หรือแม้แต่ Upsell
ส่วน Lookalike Audience คือ คนกลุ่มใหม่ที่มีพฤติกรรมคล้ายกับลูกค้าเดิม มักใช้กับเทคนิคการยิงแอดแบบ Prospecting ในการหาลูกค้าใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้า หรือสร้าง Awareness
ลองมาดูตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้กัน
| คุณสมบัติ | Custom Audience | Lookalike Audience |
| แหล่งข้อมูล | ลูกค้าเดิม | กลุ่มคนใหม่ที่มีพฤติกรรมคล้ายลูกค้าเดิม |
| ที่มา | ฐานข้อมูลเดิม | ข้อมูลจาก Facebook |
| เป้าหมาย | Retargeting | Prospecting |
| ประโยชน์ | สร้างความสัมพันธ์ต่อเนื่อง | ขยายฐานลูกค้า |
ทำไมนักยิงแอดไม่ควรมองข้าม Lookalike Audience?
ในยุคที่ต้นทุนโฆษณาสูงขึ้นทุกวัน การยิงแอดแบบหว่านไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป หนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยให้ยิงแอดได้แม่นและคุ้ม คือการใช้ Lookalike Audience เพราะมันไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่คล้ายลูกค้าเดิม แต่คือกลุ่มที่มีแนวโน้มจะซื้อสูงกว่าหลายเท่า เหตุผลที่นักยิงแอดมืออาชีพจึงไม่ควรมองข้ามเครื่องมือนี้ คือ
- เพิ่มโอกาสขายให้แม่นขึ้น ด้วยการยิงโฆษณาไปยังคนที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าของเรา
- ขยายกลุ่มลูกค้าใหม่แบบมีคุณภาพ โดยไม่ต้องเดาสุ่ม ๆ หรือรอฟลุคอีกต่อไป
- คุ้มค่า ประหยัดงบการยิงไปยังกลุ่มที่แม่นยำ ช่วยให้โฆษณาคุ้มค่ามากขึ้น
- สร้าง Brand Awareness เข้าถึงคนใหม่ ๆ ในวงกว้าง

เลือก Lookalike Audience Size ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!
การสร้าง Lookalike Audience ไม่ได้มีแค่การเลือกฐานข้อมูลลูกค้าที่ดีเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการกำหนดขนาดของกลุ่มคนที่มีความคล้ายคลึงกัน หรือที่เรียกว่า Lookalike Audience Sizeนั่นเอง
ขนาดของกลุ่มเป้าหมายนี้จะถูกวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ตั้งแต่ 1 – 10% ของประชากรในประเทศที่เราเลือก โดยระบบของ Facebook จะเทียบความคล้ายของกลุ่มเป้าหมายใหม่กับฐานลูกค้าเดิมที่เรากำหนดไว้
ยิ่งเปอร์เซ็นต์ต่ำเท่าไหร่ กลุ่มที่ได้จะยิ่งคล้ายลูกค้าเดิมมากขึ้นเท่านั้น แต่จำนวนคนก็จะน้อยลง กลับกัน ถ้าเราเลือกเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น กลุ่มคนที่ระบบเลือกมาให้ก็จะเยอะขึ้น แต่ความคล้ายคลึงก็จะลดลงเช่นกัน
เช่น ถ้าในไทยมีคนเล่น Facebook 50 ล้านคน
- Lookalike Audience (LAL) 1% = 500,000 คน ที่เหมือนต้นแบบเราเป๊ะ ๆ
- Lookalike Audience (LAL) 10% = 5,000,000 คน ที่คล้ายต้นแบบเราแบบห่าง ๆ
แล้วจะเลือกแบบไหนดี ลองมาดูแนวทางกัน
1% – 2%
กลุ่มนี้คือกลุ่มที่ตรงที่สุดโดยAI จะหาคนที่เหมือนต้นแบบของเราแบบแทบจะถอดแบบมา กลุ่มนี้จึงเหมาะกับเป้าหมาย ดังนี้
- ต้องการยอดขาย (Conversion) ทันที เพราะเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะซื้อสูงที่สุด
- มีต้นแบบ (Source) คุณภาพสูง เช่น LAL จากลูกค้า VIP ที่ซื้อซ้ำ หรือคนที่ซื้อของมูลค่าสูง
- ใช้งบเทสต์แอด หรือยิงแอดที่ต้องการความแม่นยำสูงสุด
3% – 5%
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มสมดุล เพราะจะยังคงคล้ายต้นแบบอยู่ แต่ได้ขนาดกลุ่มที่ใหญ่พอที่จะยิงแอดแบบจริงจังได้ กลุ่มนี้จึงเหมาะกับเป้าหมาย ดังนี้
- ต้องการขยายฐานลูกค้า เมื่อ LAL 1-2% เริ่มตัน หรือเริ่มแพง
- ต้องการ Traffic คุณภาพ ผ่านการยิงแอด เพื่อดึงคนเข้าเว็บ หรือสร้าง Lead
- มีต้นแบบขนาดใหญ่พอสมควร เช่น คนเข้าเว็บ 30 วัน
6% – 10%
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่กว้างที่สุด เพราะความเหมือนจะลดลงมาก แต่แลกมากับจำนวนคน (Reach) มหาศาล กลุ่มนี้จึงเหมาะกับเป้าหมาย ดังนี้
- ต้องการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) ให้คนเห็นแบรนด์เราในวงกว้างที่สุด
- ธุรกิจที่สินค้าเป็น Mass Market
อย่างไรก็ตามบางครั้ง LAL 10% ก็อาจจะมีประสิทธิภาพกว่า 1% ได้ เพราะเราต้องเทสต์ก่อนเสมอ
ตารางสรุปการเลือก Lookalike Audience Size
| ขนาด % Lookalike | ความคล้ายคลึง | ขนาดกลุ่ม | เหมาะกับ |
| 1% – 2% | มาก | เล็ก | Conversion |
| 3% – 5% | ปานกลาง | กลาง | Traffic, Lead Generation, Scale Up |
| 6% – 10% | น้อย | ใหญ่ | Brand Awareness, Reach |
4 ขั้นตอนง่าย ๆ สร้าง Lookalike Audience ไว้ยิง Facebook Ads
มาดูวิธีการสร้างกลุ่ม Lookalike สำหรับ Facebook Ads ได้ง่าย ๆ แค่ 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. เปิด Facebook Ads Manager
ไปที่ Facebook Ads Manager แล้ว Login เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่มีบัญชีโฆษณาแบบธุรกิจ ให้สร้างได้ก่อนที่ business.facebook.com

2. ไปที่เมนูกลุ่มเป้าหมาย (Audiences)
ระบบจะพาคุณไปยังหน้ารวมกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดที่คุณเคยสร้างไว้ เช่น Custom Audience หรือ Lookalike Audience ที่มีอยู่แล้ว และคลิกสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน (Create a Lookalike Audience) จากนั้นระบบจะเปิดหน้าต่างให้ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายใหม่โดยละเอียด

3. ตั้งค่ากลุ่ม Lookalike Audience ให้ครบ
- แหล่งที่มา (Source Audience)เลือกจาก Custom Audience ที่มีอยู่ เช่น ลูกค้าที่เคยซื้อ หรือผู้ที่เคยเข้าเว็บของเราผ่าน Pixel
- ตำแหน่งที่ตั้ง (Location)กำหนดพื้นที่ที่ต้องการให้ Facebook หาคนคล้ายกับลูกค้าเดิม เช่น ประเทศไทย
- ขนาดกลุ่ม (Audience Size)เลือกเปอร์เซ็นต์ 1%–10% ตามที่เราอธิบายไว้ข้างต้นได้เลย
เมื่อตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว คลิก “สร้างกลุ่มเป้าหมาย (Create Audience)” Facebook จะเริ่มประมวลผล ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 24 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้ว กลุ่ม Lookalike Audience ของเราจะปรากฏในรายการ “Audiences” พร้อมใช้งานทันที
4. เริ่มยิงโฆษณาด้วย Lookalike Audience ได้เลย
- กลับไปที่หน้า Ads Manager
- คลิกปุ่ม “สร้าง (Create)” สีเขียว เพื่อเริ่มต้นแคมเปญใหม่
- เลือก Objective (เป้าหมาย) ตามที่ต้องการ เช่น Conversion, Traffic หรือ Lead Generation (Lead Gen)
- เมื่อถึงขั้นตอนการเลือกกลุ่มเป้าหมาย (Ad Set) ให้เลือก “Custom Audience” แล้วคลิกเลือกกลุ่ม Lookalike Audience ที่สร้างไว้
- ตั้งค่าชุดโฆษณา (Ad Set), งบประมาณ (Budget) และโฆษณา (Ad) เหมือนการยิงแอดปกติ
- จากนั้นกด “เผยแพร่ (Publish)”
เพียงเท่านี้โฆษณาของเราก็จะยิงไปหากลุ่มเป้าหมายใหม่ที่คล้ายกับลูกค้าของเรา ซึ่งทำให้การหาลูกค้าใหม่แม่นยำและคุ้มค่ากว่าการยิงแอดแบบเดิมหลายเท่า
3 เทคนิคลับใช้ Lookalike Audience ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
การเลือกต้นแบบที่ดีสำหรับการสร้าง Lookalike Audience ถ้าใช้ข้อมูลต้นแบบที่ไม่ดี AI ก็จะหากลุ่มลูกค้าใหม่ได้ไม่ตรงตามที่ต้องการ ดังนั้น การเลือกกลุ่มลูกค้าตัวท็อปของเราให้เป็นต้นแบบ จึงสำคัญต่อการยิงแอดสุด ๆ
1. จัดอันดับกลุ่มต้นแบบที่ดีที่สุด
1.1 Lookalike Audience จากมูลค่าลูกค้า (Best Option)
ใช้ Custom Audience ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ มูลค่าการซื้อ (High LTV หรือ High AOV) จากลูกค้าที่จ่ายเงินเยอะ ซื้อสินค้าราคาแพง หรือลูกค้าที่ซื้อบ่อย เพื่อหาคนที่มีพฤติกรรมการช้อปปิ้งเหมือนลูกค้าตัวท็อปของเรา
เหมาะกับธุรกิจที่มี Conversion Data บนเว็บไซต์ (ใช้ Facebook Pixel) หรือมีข้อมูลมูลค่าการซื้อ ในรายชื่อลูกค้า
1.2 Lookalike Audience จากคนที่ซื้อ (Purchasers)
ใช้ข้อมูลจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าภายใน 60-180 วัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่พร้อมจ่ายเงิน และมีพฤติกรรมการซื้อที่คุ้นเคยกับแบรนด์ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการหาลูกค้าที่คล้ายกับคนที่ซื้อไปแล้ว
1.3 Lookalike Audience จากคนที่เกือบจะซื้อ (High-Intent)
ใช้ข้อมูลจากคนที่ Add to Cart หรือ Initiate Checkout แต่ยังไม่ซื้อ เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่สนใจมากและมีแนวโน้มสูงที่จะซื้อในอนาคต เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการดึงลูกค้าเกือบซื้อให้กลับมาซื้อ
1.4 Lookalike Audience จากคนดูวิดีโอ 75%-95% (Video Viewers)
ใช้ข้อมูลจากคนที่ดูวิดีโอของเราจนเกือบจบ เพราะคนที่ดูวิดีโอจนเกือบจบ แสดงว่าเขาสนใจจริง ๆ และ AI จะหาคนที่พฤติกรรมใกล้เคียงกัน เหมาะกับธุรกิจที่ใช้คอนเทนต์วิดีโอในการโปรโมตสินค้า
2. กลุ่มต้นแบบที่ควรเลี่ยง
2.1 All Website Visitors (คนเข้าเว็บทั้งหมด)
กลุ่มนี้กว้างเกินไป เพราะยังรวมถึงคนที่เพียงแค่เข้าเว็บแล้วออกทันที (Bounce) ไว้ด้วย ทำให้ไม่สามารถหากลุ่มเป้าหมายที่ดีได้ เพราะข้อมูลที่ได้ไม่ชัดเจนพอ
2.2 Page Engagement (คนที่มีส่วนร่วมกับเพจ)
คนที่กดไลก์ หรือคอมเมนต์ ไม่ได้แปลว่าเขาจะซื้อสินค้า เพราะเป็นเพียงแค่ความสนใจ แต่ไม่ใช่กลุ่มที่พร้อมจะซื้อสินค้า
2.3 3-Second Video Views (คนดูวิดีโอแค่ 3 วินาที)
คนที่ดูแค่ 3 วินาที ไม่มีการแสดงถึงความสนใจจริง การใช้กลุ่มนี้จะทำให้เปลืองงบโฆษณาไปเสียเปล่า ๆ
3. อย่าลืม Exclude ลูกค้าเก่าออก
เมื่อเราสร้าง Lookalike Audience จาก Custom Audience แล้ว อย่าลืมแยกกลุ่มลูกค้าเดิมที่ซื้อแล้วออกไปจากกลุ่มนี้ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการยิงแอดซ้ำไปหาลูกค้าเก่า และบังคับให้ AI หาคนใหม่ที่คล้ายกับลูกค้าเก่ามากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
อยากยิงแอดให้ปังต้องตั้งให้ถูกเป้า
การใช้ Facebook Lookalike Audience เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขยายฐานลูกค้าผ่าน Facebook Ads เพราะเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าใหม่ที่คล้ายกับลูกค้าปัจจุบันได้ง่ายขึ้น แต่การสร้าง Lookalike Audience ที่มีประสิทธิภาพจะต้องเริ่มจากการเลือกต้นแบบที่ดี เพื่อให้ AI ค้นหากลุ่มคนที่พร้อมจะซื้อสินค้าของเราได้อย่างแม่นยำที่สุด
หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการวิเคราะห์และสร้าง Lookalike Audience ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ Blupaper พร้อมช่วยวิเคราะห์กลุ่มต้นแบบที่ดีที่สุด พร้อมวางแผนยิงโฆษณาให้ตั้งแต่ต้นจนจบ ติดต่อเราตอนนี้เพื่อปรึกษาฟรี!
- โทร. 094-454-2495
- Line: @blupaper
- Facebook: Blupaper Digital Marketing Agency
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Lookalike Audience
Q: ต้องอัปเดตข้อมูล Lookalike Audience บ่อยแค่ไหน?
A: ควรอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ หากมีข้อมูลลูกค้าใหม่หรือการซื้อที่เกิดขึ้นใหม่ ควรอัปโหลดข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้ Lookalike Audience มีความแม่นยำและทันสมัยอยู่เสมอ
Q: ต้องเก็บข้อมูล Custom Audience นานแค่ไหน ถึงจะเหมาะสมสำหรับการสร้าง Lookalike Audience?
A: ควรเก็บข้อมูล Custom Audience อย่างน้อย 30-90 วัน ขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจ เช่น ธุรกิจที่มีการซื้อซ้ำ หรือสินค้าราคาสูง ควรเก็บข้อมูลประมาณ 60-90 วัน เพื่อให้ข้อมูลทันสมัยและสะท้อนพฤติกรรมการซื้อที่แท้จริง ส่วนธุรกิจที่ขายสินค้าราคาถูก หรือมีการตัดสินใจซื้อเร็ว การเก็บข้อมูลประมาณ 30 วัน ก็เพียงพอ
Q: ต้องมีข้อมูล Custom Audience อย่างน้อยกี่รายการ?
A: ควรมี Custom Audience ที่มีข้อมูลอย่างน้อย 100 รายการ เพื่อเริ่มสร้าง Lookalike Audience ได้ เพราะยิ่งมีข้อมูลมาก เช่น 500–1,000 รายการ จะช่วยให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำมากขึ้น
Q: ใช้ Lookalike Audience กับ Retargeting ได้ไหม?
A: ได้ เพราะการใช้ Lookalike Audience ร่วมกับการ Retargeting ทำให้สามารถยิงแอดไปยัง Lookalike Audience ที่สร้าง และทำการ Retargeting กลุ่มคนที่มีการ Engagement หรือยังไม่ได้ซื้อ เพื่อเพิ่ม Conversion