SEO Tools คืออะไร ทำไมต้องมี?

SEO Tools หรือเครื่องมือทำ SEO คือ โปรแกรมหรือแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้น เห็นผลเร็วขึ้น แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ Keyword ตรวจสอบสุขภาพเว็บไซต์ แกะรอยคู่แข่ง วิเคราะห์ Backlink หรือแม้กระทั่งช่วยเขียนคอนเทนต์ให้ปังตามหลัก SEO

เพราะสมัยนี้ถ้าเราต้องมานั่งไล่ดูเองว่าคู่แข่งใช้คีย์เวิร์ดอะไรบ้าง เว็บไซต์มีข้อผิดพลาดตรงไหน หรือ Backlink ของเรามีคุณภาพแค่ไหน ทำให้เสียทั้งเวลาและโอกาสไปโดยใช่เหตุ SEO Tools จึงกลายเป็นอาวุธสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับนักการตลาดในยุคนี้

เลือกเครื่องมือ SEO ยังไงดี?

ปี 2025 นี้ มีเครื่องมือเพิ่มขึ้นให้เลือกใช้มากมาย การจะเลือกใช้ก็รู้ด้วยว่า เราต้องการอะๆร และเครื่องที่เรากำลังมองหานั้น ตอบโจทย์งานของเราแค่ไหน? เพราะแต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นและเหมาะกับการใช้งานต่างกัน โดยมีปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น

  • ความแม่นยำของข้อมูล ต้อง Real-time และเชื่อถือได้
  • ฟังก์ชันครบวงจร ตอบโจทย์งาน SEO ได้รอบด้านตั้งแต่ต้นจนจบ
  • ใช้งานง่าย ไม่ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ใช้ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เยอะ
  • คุ้มค่า บางตัวเป็นเครื่องมือ SEO ฟรี บางตัวเสียเงิน ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าฟีเจอร์ที่ได้มาคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายหรือไม่
  • รองรับ AI เนื่องจากเทรนด์ AI กำลังมาแรง ถ้าเลือกใช้ SEO Tools มีฟังก์ชัน AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์หรือทำงานบางอย่างได้ ก็จะช่วยลดภาระงานของเราไปอีกเท่าตัว

10 เครื่องมือ SEO ที่นักการตลาดมือโปรเลือกใช้

10 เครื่องมือ SEO ที่ครอบคลุมและเป็นที่นิยมในกลุ่มนักการตลาดมือโปร มีดังนี้

1. Google Search Console

Google Search Console เป็นเครื่องมือ SEO ฟรี ใช้งานง่าย จาก Google ที่ช่วยให้เจ้าของเว็บรู้ว่าเว็บไซต์เห็นข้อมูลสำคัญต่าง ๆ อย่างคำค้นหาที่พาคนเข้าเว็บ ปัญหาทางเทคนิค หรือสถานะดัชนีของหน้าเว็บ ไปจนถึงติดอันดับคำไหน มีปัญหาอะไรบ้างในสายตาของ Google บ้าง

จุดเด่น

  • ใช้งานฟรี ใช้งานได้กับทุกเว็บไซต์
  • รู้คำค้นที่พาคนเข้าเว็บ ดูได้ว่าคนเสิร์ชคำว่าอะไร แล้วเว็บเราติดอันดับตรงไหน มีคนคลิกกี่ครั้ง
  • ตรวจปัญหาทางเทคนิค เช่น ลิงก์เสีย หน้าเว็บโหลดช้า หรือดูไม่ดีบนมือถือ
  • เช็กสถานะการจัดทำดัชนี (Index) รู้ว่าหน้าไหนถูก Google เก็บเข้าไปในระบบแล้ว หรือยัง
  • ดูอันดับและประสิทธิภาพ SEO โดยรวม รู้ว่าเว็บเราทำ SEO ได้ดีแค่ไหน ต้องปรับตรงไหนบ้าง

ราคาเริ่มต้น: ฟรี

เหมาะกับ: ทุกคนที่มีเว็บไซต์ควรใช้เป็นเครื่องมือพื้นฐาน

Google Search Console คือผู้ช่วยเบื้องหลังของสาย SEO ที่ช่วยให้รู้ว่า เว็บเราถูกค้นเจอยังไง ติดอันดับคำไหน มีปัญหาอะไรในสายตาของ Google และควรปรับปรุงตรงไหนเพื่อให้เว็บเราขึ้นอันดับดีขึ้นในผลการค้นหา ที่สำคัญคือ ใช้งานฟรี ใช้ง่าย แถมวิเคราะห์ลึก ถ้าอยากทำ SEO แบบจริงจัง ต้องไม่พลาด GSC ตัวนี้เลย

2. Google Analytics

Google Analytics เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ที่ Google ให้ใช้ฟรี ซึ่งถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการการตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะสาย SEO และเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการ เข้าใจว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเขามาจากไหน ทำอะไร และอยู่ในเว็บไซต์นานแค่ไหน

จุดเด่น

  • ติดตามทุกการเคลื่อนไหวของผู้เข้าชมได้อย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์
  • แสดงข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งานบนเว็บไซต์แบบละเอียด
  • แยกตามแหล่งที่มา เช่น Organic, Paid, Social และอื่น ๆ
  • ตั้งค่า Conversion และ Event ได้
  • ใช้งานร่วมกับ Google Ads และ Search Console ได้ง่าย
  • รองรับ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานเชิงลึก รวมถึงฟังก์ชัน Predictive Metrics (การคาดการณ์พฤติกรรมผู้ใช้ในอนาคต) ที่ช่วยให้วางแผนกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น
  • ใช้งานฟรี

ราคาเริ่มต้น: ฟรี
เหมาะกับใคร: นักการตลาด นักวิเคราะห์ UX/UI ทีมเว็บทุกประเภท ไปจนถึงเจ้าของธุรกิจที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าและการวิเคราะห์ที่ก้าวหน้า

Google Analytics เป็นเหมือนกล้องวงจรปิด + นักวิเคราะห์ข้อมูล ประจำเว็บไซต์ของคุณ ที่ช่วยเก็บข้อมูลทุกการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานบนเว็บ แล้วสรุปออกมาให้เห็นภาพชัด ๆ ว่าเว็บไซต์ของคุณทำงานดีแค่ไหน มีจุดไหนที่ควรปรับปรุง และควรเน้นทำอะไรต่อไปให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด

3. Google Keyword Planner

Google Keyword Planner คือเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ออกแบบมาสำหรับนักโฆษณาและนักทำ SEO ใช้เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือสินค้าของคุณ โดยเฉพาะใครที่เคยยิงแอด Google Ads ก็น่าจะคุ้นเคยกันดี เพราะเครื่องมือนี้อยู่ในชุดเครื่องมือของ Google Ads โดยตรง

จุดเด่น

  • วิเคราะห์คีย์เวิร์ดจาก Google โดยตรง
  • ดู Volume การค้นหาและการแข่งขัน
  • ใช้ฟรีสำหรับผู้ใช้งาน Google Ads
  • ใช้หาไอเดียคีย์เวิร์ดตั้งแต่เริ่มต้น

ราคาเริ่มต้น: ฟรี
เหมาะกับใคร: นักวางแผนคอนเทนต์ นักการตลาด นักยิงแอด หรือมือใหม่ทำ SEO

Google Keyword Planner ไม่ได้เหมาะแค่สายยิงแอด แต่ยังเป็นเครื่องมือเริ่มต้นที่ดีมากสำหรับการทำ SEO เพราะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมการค้นหาของลูกค้า และเลือกคีย์เวิร์ดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ใช้ฟรี 100% ขอแค่มีบัญชี Google Ads

4. Google PageSpeed Insights / GTmetrix

PageSpeed Insights คืออีกหนึ่งเครื่องมือ SEO ฟรี จาก Google ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเจ้าของเว็บไซต์ นักพัฒนา และสาย SEO ใช้ในการตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ และประเมินประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป ซึ่งความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์นั้นส่งผลโดยตรงต่อ ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) และอันดับในการค้นหาบน Google (SEO Ranking)

จุดเด่น

  • วิเคราะห์ความเร็วและ Performance รายหน้า
  • แสดง Core Web Vitals ให้คะแนนชัดเจน และอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความเร็วเว็บไซต์อย่างละเอียด
  • ใช้งานง่าย แค่ใส่ URL ก็ได้ผลลัพธ์ พร้อมคำแนะนำในการปรับปรุงเว็บไซต์ที่ชัดเจน
  • ใช้งานฟรี

ราคาเริ่มต้น: ฟรี
เหมาะกับใคร: นักพัฒนาเว็บไซต์ และ SEO สายเทคนิค หรือทุกคนที่มีเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความเร็วของเว็บ เพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้นและ SEO ที่แข็งแกร่ง

หากคุณทำเว็บไซต์หรือดูแลเว็บให้ธุรกิจ การใช้ PageSpeed Insights เป็นประจำถือเป็นตัวช่วยที่ดีมากในการ เพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ ลดอัตราการเด้ง (Bounce Rate) และเพิ่มอันดับ SEO ได้อย่างยั่งยืน

5. Ahrefs

Ahrefs คือเครื่องมือ SEO ระดับมืออาชีพที่นักการตลาดดิจิทัลทั่วโลกไว้วางใจ ใช้สำหรับวิเคราะห์เว็บไซต์ทั้งของตัวเองและคู่แข่งแบบรอบด้าน จุดเด่นของ Ahrefs คือความครบเครื่อง ใช้งานง่าย และมีฐานข้อมูลที่ใหญ่มาก ทำให้สามารถดึงข้อมูลได้ลึกและแม่นยำ

จุดเด่น

  • วิเคราะห์ Backlink แบบเจาะลึก ได้ครบทั้งจำนวน คุณภาพ และแหล่งที่มา
  • มี Keyword Explorer ค้นหาคีย์เวิร์ดแม่นยำ พร้อมแสดงปริมาณค้นหาและความยาก
  • ติดตามอันดับ (Rank Tracker) ของคีย์เวิร์ดได้แบบรายวัน
  • มี Site Audit Tool วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์ ช่วยหาปัญหา SEO On-Page
  • เจาะลึกเว็บไซต์คู่แข่ง ได้แบบเห็นหมดว่าเขาติดคีย์เวิร์ดไหน ใช้ Backlink อะไร

ราคาเริ่มต้น: ประมาณ $129/เดือน
เหมาะกับ: นักการตลาดออนไลน์ เอเจนซี่ด้านการตลาดออนไลน์ และ SEO Specialist

Ahrefs เป็นมากกว่าแค่เครื่องมือวิเคราะห์ SEO เพราะมันช่วยให้คุณเห็นภาพรวมทุกมุม ของเว็บไซต์ตัวเองและคู่แข่งในที่เดียว ตั้งแต่คีย์เวิร์ดไปจนถึงลิงก์ เทคนิค SEO และไอเดียคอนเทนต์ เหมาะมากสำหรับนักการตลาดสายจริงจังที่อยากพาธุรกิจติดหน้าแรก Google แบบยั่งยืน

6. SEMRush

SEMrush เป็นเครื่องมือแบบ All-in-One ด้านการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Tool) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจ นักการตลาด และเอเจนซี่ สามารถวางแผน ติดตาม และปรับปรุงกลยุทธ์ออนไลน์ได้อย่างครอบคลุมในที่เดียว

จุดเด่น

  • วิเคราะห์ SEO Keyword และ Google Ads
  • ตรวจสอบอันดับ, On-page SEO, Backlink ไปจนถึง Social Media
  • เครื่องมือวิเคราะห์คู่แข่งครบ
  • ใช้ทำ Content Strategy และ Social Media ได้
  • กำลังจะรองรับ AI ในฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากขึ้น

ราคาเริ่มต้น: $139.95/เดือน
เหมาะกับใคร: Digital Agency, Marketing Strategic Planner, ทีมการตลาด

SEMrush ไม่ใช่แค่เครื่องมือ SEO แต่คือเครื่องมือการตลาดดิจิทัลแบบครบวงจร ที่ช่วยคุณวางแผน วิเคราะห์ และปรับปรุงแคมเปญการตลาดได้อย่างแม่นยำ ใช้งานได้ทั้งแบบเดี่ยวและเป็นทีม พร้อมฟีเจอร์ที่ครอบคลุมทุกช่องทางหลักของโลกออนไลน์

7. Ubersuggest

Ubersuggest คือเครื่องมือด้าน SEO (Search Engine Optimization) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ นักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจ เข้าใจว่าคนค้นหาอะไรใน Google และจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของตนเองติดอันดับได้ดีขึ้น โดยจุดเด่นของ Ubersuggest คือใช้งานง่ายมาก มีหน้าตาอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตร ไม่ซับซ้อนเหมือนเครื่องมือ SEO ระดับโปรอื่น ๆ

จุดเด่น

  • ใช้งานง่าย เหมาะกับการเรียนรู้และทำงาน SEO พื้นฐาน
  • ฟังก์ชันพื้นฐานครบ ตั้งแต่ตรวจสอบอันดับเว็บไซต์, ค้นหาคีย์เวิร์ด, วิเคราะห์คู่แข่ง
  • ให้คำแนะนำ On-Page SEO
  • มีเวอร์ชันฟรีให้ทดลองก่อน

ราคาเริ่มต้น: ฟรี (มีข้อจำกัด) หรือ $12/เดือน
เหมาะกับใคร: เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก, มือใหม่ทำ SEO, Blogger ผู้เริ่มต้นทำ SEO, Content Creator

ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องมือ SEO ที่ใช้งานง่าย ราคาน่ารัก แต่ยังให้ข้อมูลครบพอสำหรับวางแผนการตลาดออนไลน์ Ubersuggest คืออีกหนึ่งเครื่องมือ SEO ที่น่าลอง

8. Yoast SEO

Yoast SEO คือ ปลั๊กอิน (Plugin) หรือเครื่องมือเสริมสำหรับเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ซึ่งช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถปรับแต่งเนื้อหาในแต่ละหน้าให้เหมาะสมกับหลัก SEO ได้ง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านโค้ดหรือโปรแกรมมิ่งเลย

จุดเด่น

  • ใช้งานง่าย มีระบบไฟเขียว ส้ม แดง คอยบอกว่าเนื้อหาของเรามีจุดที่ต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง และไม่ต้องไปแก้โค้ดเอง
  • ปรับ SEO หน้าบทความได้แบบ Real-time
  • วิเคราะห์การใช้ Keyword, Meta และ Heading Tag
  • ฟังก์ชันพื้นฐานครบถ้วนสำหรับการปรับแต่ง On-Page SEO เช่น Meta Title, Description, Keyword Density และ Readability
  • ใช้งานกับ WordPress ได้ลื่นไหล

ราคาเริ่มต้น: ฟรี สำหรับตัว Standard หรือ $99/ปี สำหรับตัว Advance
เหมาะกับใคร: เจ้าของเว็บไซต์ WordPress, Blogger หรือนักการตลาดที่ต้องการปรับปรุง On-Page SEO ด้วยตัวเอง

สรุปแบบเข้าใจง่าย Yoast SEO คือผู้ช่วยอันดับ 1 ด้าน SEO สำหรับคนทำเว็บไซต์ WordPress ที่ไม่เก่งโค้ด แต่ก็อยากให้เว็บติดอันดับ Google ได้ดี ด้วยคำแนะนำที่เข้าใจง่าย และการวิเคราะห์แบบครบถ้วนในทุกบทความที่คุณเขียน

9. Screaming Frog SEO Spider

Screaming Frog เป็นโปรแกรม SEO ที่คนทำ SEO สายเทคนิค (Technical SEO) นิยมใช้กันมาก เพราะมันสามารถสแกน และวิเคราะห์ โครงสร้างเว็บไซต์ ได้เหมือนมีตาอินฟราเรดมองเห็นทุกจุดที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นผิวเว็บไซต์

จุดเด่น

  • แม่นยำสูง สแกนเว็บไซต์แบบละเอียด (Crawl Site)
  • วิเคราะห์ปัญหา SEO On-Page
  • รองรับไฟล์ CSV สำหรับส่งต่อทีม
  • ฟังก์ชัน Technical SEO ครบ สามารถค้นหา Broken Links, Redirect Chains, Duplicate Content, Missing Titles/Descriptions, URL Error และปัญหา On-Page อื่น ๆ ได้ครบครัน

ราคาเริ่มต้น: ฟรี (มีข้อจำกัด) หรือ £259/ปี
เหมาะกับใคร: Developer, Technical SEO, เอเจนซีที่ดูแลเว็บไซต์หลายเว็บ และนักการตลาดที่ต้องการตรวจสอบปัญหาทางเทคนิคของเว็บไซต์อย่างละเอียดและแม่นยำ

Screaming Frog ไม่ได้ช่วยให้เขียนบทความ SEO ได้ดีขึ้น แต่จะช่วยวิเคราะห์ปัญหาที่ซ่อนอยู่ใต้โครงสร้างของเว็บไซต์ เพื่อให้แน่ใจว่า Google เข้าใจเว็บคุณอย่างถูกต้อง ไม่มีข้อผิดพลาดทางเทคนิคคอยถ่วงอันดับให้ร่วง

10. Moz Pro

Moz Pro คือเครื่องมือ SEO แบบ All-in-One ที่ช่วยให้คุณวางแผนและปรับปรุงอันดับเว็บไซต์บน Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อดีคือ อินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพด้าน SEO เพราะไม่ต้องมีความรู้เชิงเทคนิคมาก ก็สามารถใช้งานได้

จุดเด่น

  • เครื่องมือ Keyword Explorer ใช้ง่าย
  • เน้น On-page และ Site Audit ที่ช่วยหาจุดบกพร่องทางเทคนิคของเว็บไซต์ 
  • มี Page Optimization Suggestions
  • ติดตามอันดับเว็บไซต์
  • วิเคราะห์ Domain Authority และคู่แข่ง
  • โดดเด่นเรื่อง Local SEO

ราคาเริ่มต้น: $49/เดือน
เหมาะกับใคร: ธุรกิจที่เน้นการทำ Local SEO, คนทำ SEO ที่อยากได้เครื่องมือใช้ง่าย ครบฟีเจอร์ และวิเคราะห์ลึกแบบไม่ยุ่งยาก

Moz Pro คือเครื่องมือที่ครบ จบ ใช้ง่าย เหมาะทั้งกับคนที่เริ่มต้นทำ SEO และผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก จุดแข็งคือการออกแบบหน้าตาเครื่องมือให้เข้าใจง่าย ใช้เวลาเรียนรู้น้อย แต่ได้ข้อมูลครบทุกมุมที่จำเป็นต่อการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ

เลือก SEO Tools ตัวไหนดีที่เหมาะกับเรา?

เครื่องมือทำ SEO มีให้เลือกเพียบจนตาลายใช่ไหม? แล้วจะเลือกยังไงที่เหมาะกับงานของเรา เรามี แนวทางเลือกง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณเจอเครื่องมือที่ใช่ โดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก

เริ่มจากถามตัวเองก่อนว่า …

  • เพิ่งเริ่มต้นไหม? ถ้าใช่ เริ่มจากของฟรีก่อนดีที่สุด เช่น
  • Google Search Console เช็กประสิทธิภาพเว็บไซต์บน Google
  • Google Analytics ดูพฤติกรรมผู้เข้าชม
  • Google Keyword Planner หาไอเดียคีย์เวิร์ดง่าย ๆ
  • มีงบเท่าไหร่? ถ้ามีงบจำกัด ใช้ของฟรี ร่วมกับ Ubersuggest ก็เพียงพอในช่วงแรก แต่ถ้างบถึง ลอง Ahrefs, SEMrush หรือ Moz Pro ได้เลย คุ้ม!
  • เป้าหมายหลักคืออะไร?
  • เน้นหา Keyword  แนะนำ Keyword Planner, Ubersuggest
  • เน้นตรวจโครงสร้างเว็บ แนะนำ Screaming Frog, PageSpeed Insights
  • เน้นวิเคราะห์คู่แข่ง และสร้าง Backlink แนะนำ Ahrefs, SEMrush
  • ธุรกิจขนาดไหน?
  • SME หรือเว็บไซต์ส่วนตัว เริ่มจากเบา ๆ ด้วย Yoast SEO หรือ Ubersuggest
  • เอเจนซี หรือเว็บใหญ่ ไปสาย Pro ด้วย SEMrush หรือ Ahrefs
  • ถนัดแบบไหน? ลองใช้ฟรีก่อน เพื่อดูว่าใช้ง่ายไหม ชอบหน้าตาเครื่องมือหรือเปล่า แล้วค่อยอัปเกรดก็ไม่สาย

แต่เราก็มีตารางแนะนำแบบเข้าใจง่าย และแบบรวบรัดมาฝากด้วยเหมือนกัน เพื่อช่วยให้เลือกเครื่องมือที่ใช่ แบบไม่ต้องเสียเวลาเทียบเอง

ประเภทผู้ใช้เครื่องมือแนะนำเหมาะกับใคร
มือใหม่ / งบน้อย / สายคอนเทนต์Google Search Console, Google Keyword Planner, Ubersuggest, Yoast SEOเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ใช้ได้เลยไม่ต้องเสียตังค์
สายคอนเทนต์จริงจัง / เจ้าของเว็บAhrefs, Ubersuggest, Google Analytics, Yoast SEOเริ่มวางแผน SEO อย่างเป็นระบบ ต้องการข้อมูลลึกขึ้น
ทีมเทคนิค / Dev / เว็บขนาดใหญ่Screaming Frog, PageSpeed Insights, Ahrefs, SEMrushตรวจสอบโครงสร้างเว็บไซต์ แก้ปัญหาเชิงเทคนิคแบบลึก
เอเจนซี / นักวางกลยุทธ์SEMrush, Ahrefs, Moz Pro, Google Analyticsวิเคราะห์ครบทั้งเว็บเราและคู่แข่ง เหมาะกับสายวางแผน SEO ครบวงจร

เลือก SEO Tools ที่ใช่ ดันเว็บให้พุ่งติดอันดับ

การทำ SEO ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือการใช้ข้อมูลอย่างชาญฉลาด และอาวุธลับอย่าง SEO Tools เหล่านี้จะช่วยให้เราวิเคราะห์ วางแผน และปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แถมยังช่วยประหยัดเวลา ได้เปรียบคู่แข่ง และดันเว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับบน Google ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีเครื่องมือไหนดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มีเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับคุณเสมอ

หรือถ้ายังไม่ชัวร์และอยากได้ทีมมืออาชีพที่เข้าใจ SEO ทั้งเชิงเทคนิคและเชิงกลยุทธ์ Blupaper มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมช่วยวางกลยุทธ์ให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นหน้าแรก Google ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ปรึกษาทีม Blupaper ฟรี หรือ โทร. 098-989-0583