โดเมนเนม คืออะไร ทำไมสำคัญกับเว็บไซต์?
โดเมนเนม คือ ชื่อเว็บไซต์ของเราบนโลกออนไลน์ เป็นเหมือนที่อยู่ของบ้านที่ผู้คนใช้เพื่อเดินทางมาหาเรา ตัวอย่างเช่น www.blupaper.co หรือ www.google.com ซึ่งชื่อโดเมนนี้จะคอยบอกให้ระบบรู้ว่า เมื่อมีคนพิมพ์ชื่อนี้ จะต้องพาไปยังเว็บไซต์ไหน
โดยเราสามารถตั้งชื่อให้จำง่าย สะกดสั้น หรือมีความหมายตรงกับแบรนด์ก็ได้ เพื่อช่วยให้คนจดจำแบรนด์เราได้ง่ายขึ้น
อ่านบทความที่น่าสนใจ :เลือกโดเมน .co.th หรือ .com ดีกว่ากัน? เฉลยข้อแตกต่างที่เจ้าของเว็บควรรู้

โดเมนเนมมีกี่ประเภท?
โดเมนเนมไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่แบ่งออกเป็นหลายระดับ (Domain Levels) ด้วยกัน โดยแต่ละระดับก็มีหน้าที่ต่างกัน และช่วยให้ระบบอินเทอร์เน็ตรู้ว่า เว็บไซต์ของเราอยู่ตำแหน่งไหนในโครงสร้างชื่อโดเมนทั้งหมด
เหมือนการลำดับตั้งแต่ชื่อประเทศ จังหวัด เขต ไปจนถึงบ้านเลขที่ เพื่อให้ระบบนำทางมาถูกต้อง มาดูกันว่ามีโดเมนอะไรบ้างที่ต้องรู้
1. Top-Level Domain (TLD)
โดเมนประเภทนี้คือนามสกุลที่อยู่ท้ายสุดของชื่อเว็บไซต์ ซึ่งเป็นโดเมนระดับบนสุดที่ทุกเว็บไซต์ต้องมี ทำหน้าที่ระบุประเภทของเว็บไซต์นั้น ๆ เช่น
- .com เป็นเว็บไซต์เชิงพาณิชย์
- .org เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
- .th เป็นเว็บไซต์ในประเทศไทย
2. Second-Level Domain (SLD)
โดเมนประเภทนี้คือชื่อหลักของเว็บไซต์ที่อยู่หน้าก่อน TLD เช่น blupaper.co
- blupaper คือ Second-Level Domain
- .co คือ Top-Level Domain
ซึ่ง SLD นี้เองจะเป็นส่วนที่แบรนด์ต่าง ๆ รีบแย่งกันจด เพราะมันคือชื่อที่ผู้คนจะจดจำและค้นหาเราใน Google นั่นเอง
3. Subdomain (โดเมนย่อย)
โดเมนประเภทนี้คือชื่อที่สร้างต่อจากโดเมนหลักเพื่อแยกส่วนของเว็บไซต์ เช่น
blog.blupaper.co หรือ shop.blupaper.co เพราะ Subdomain หรือโดเมนย่อยนี้ มักจะใช้เพื่อแยกคอนเทนต์หรือบริการให้เป็นระบบ เช่น เว็บหลักอาจเป็นบริษัท ส่วน Subdomain อาจเป็นบล็อกหรือร้านค้า
สำหรับ SEO แล้ว Subdomain จะถูกมองว่าเป็นเว็บไซต์ที่แยกออกจากโดเมนหลัก จึงต้องจัดการอย่างระมัดระวัง เพราะจะไม่ได้รับอิทธิพลจาก Authority ของเว็บหลักโดยตรง
โดเมนเนมเกี่ยวข้องกับ SEO อย่างไร?
หลายคนเข้าใจผิดว่าแค่เลือกโดเมนเนมสวย ๆ ก็ทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกได้แล้ว บอกเลยตรงนี้ว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะโดเมนก็มีอิทธิพลต่อ SEO อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ Google จะไม่ได้ให้คะแนน SEO จากนามสกุลโดเมนโดยตรง (เช่น .com หรือ .io) แต่ชื่อโดเมนที่ผู้ใช้รู้สึกว่ามีความน่าเชื่อถือและอายุโดเมนที่บ่งบอกถึงความมั่นคงของเว็บไซต์ ส่งผลมากกว่าที่คิด
นอกจากนี้ โดเมนเนมยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ (Domain Authority) เพราะทุกลิงก์ การแชร์ หรือการพูดถึงในโลกออนไลน์จะผูกอยู่กับชื่อโดเมนนั้น ๆ ของเราทั้งหมด ยิ่งชื่อโดเมนมีความน่าเชื่อถือและมีคนกล่าวถึงบ่อยมากเท่าไร ก็ยิ่งช่วยให้ Google มองว่าเว็บไซต์นี้มีคุณภาพมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น การเลือกโดเมนเนมให้ดีจึงไม่ควรดูแค่เรื่องความสวยงามหรือความเท่ แต่มันเป็นรากฐานของ SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราเติบโตระยะยาวได้อย่างมั่นคง

นามสกุลโดเมน (TLD) มีกี่ประเภท แต่ละแบบต่างกันอย่างไร?
นามสกุลโดเมน หรือ TLD (Top-Level Domain)ก็คือ สิ่งที่อยู่ท้ายชื่อโดเมนอย่าง .com, .org และ .io นั่นเองโดยทั่วไปแล้ว TLD จะเป็นส่วนที่บอกประเภท หรือที่มาของเว็บไซต์ เช่น เป็นเว็บธุรกิจ เว็บองค์กร หรือเว็บเฉพาะประเทศ ซึ่งในปัจจุบันมีมากกว่าพันชนิด แต่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
1. Generic Top-Level Domain (gTLD)
เป็นนามสกุลโดเมนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาที่สุด ใช้ได้กับทุกประเภทของเว็บไซต์ ไม่จำกัดว่าเป็นธุรกิจหรือองค์กรใดโดยเฉพาะ เช่น
- .com มาจากคำว่า Commercial เหมาะกับธุรกิจทั่วไป และเว็บไซต์เชิงพาณิชย์
- .org มักใช้โดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร หรือหน่วยงานการศึกษา
- .net มาจากคำว่า Network เดิมใช้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ปัจจุบันเว็บทั่วไปก็ใช้ได้เช่นกัน
2. Country-Code Top-Level Domain (ccTLD)
นามสกุลโดเมนแบบนี้จะบ่งบอกประเทศต้นทางของเว็บไซต์ เช่น
- .th สำหรับประเทศไทย
- .jp สำหรับญี่ปุ่น
- .uk สำหรับสหราชอาณาจักร
ช่วยให้ผู้ใช้และ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีกลุ่มเป้าหมายตามภูมิภาคไหน เช่น เว็บข่าวไทยอาจใช้ .co.th เพื่อสื่อว่าเป็นเว็บจากประเทศไทยโดยตรง
อ่านบทความที่น่าสนใจ :จดโดเมนเนม .co.th ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? แนะนำขั้นตอนเบื้องต้นสำหรับเจ้าของธุรกิจ
3. New / Custom TLD
ประเภทนี้คือกลุ่มนามสกุลใหม่ที่เพิ่งเปิดให้จดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น .xyz, .io, .shop, .tech, .art และอื่น ๆ โดยนามสกุลโดเมนเหล่านี้มักถูกเลือกด้วยเหตุผลที่ว่า ชื่อแบรนด์ถูกจด .com ไปแล้ว หรือแม้แต่เหตุผลจากเจ้าของเว็บที่ต้องการสร้างความแตกต่าง แม้จะดูทันสมัย แต่ก็เสี่ยงต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ เพราะผู้ใช้ทั่วไปอาจมองว่าเป็นโดเมนราคาถูกหรือโดเมนสแปมได้
เพราะนามสกุลโดเมนทำหน้าที่เหมือนย่านที่อยู่ของแบรนด์บนโลกออนไลน์
บางย่านที่ดูดีและมีมาตรฐานอย่าง .com หรือ .co.th แต่ก็มีบางย่านที่มีภาพจำว่าค่อนข้างเสี่ยง อย่าง .xyz หรือ .top เป็นต้น การเลือกนามสกุลโดเมนจึงไม่ใช่แค่เรื่องรสนิยม แต่คือการเลือกฐานความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในสายตาทั้งผู้ใช้และ Google

นามสกุลโดเมนมีผลต่อ SEO ด้วยหรือเปล่า?
การเลือกนามสกุลโดเมนอย่าง .xyz, .io, .shopไม่ได้มีผลโดยตรงต่ออัลกอริทึมของ Googleแต่ถ้าเราเลือกได้ไม่ดีพอก็ยังมีผลทางอ้อมที่อาจส่งผลชัดเจนต่ออันดับเว็บไซต์ได้เช่นกัน
เรื่องนี้เคยถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบน Reddit เมื่อมีเจ้าของเว็บไซต์รายหนึ่งตั้งคำถามว่า เขาเลือกใช้โดเมน .xyz เพราะชื่อแบรนด์ของเขาใน .com ถูกจดไปแล้ว อีกทั้งยังเห็นว่า Google เองก็ใช้โดเมน abc.xyz สำหรับบริษัท Alphabet เลยคิดว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่เมื่อใช้งานไปสักพัก เขากลับเจอปัญหาว่าหลายเว็บไซต์ ไม่อนุญาตให้โพสต์ลิงก์ .xyz เพราะถูกมองว่าเป็นสแปม แถมในบางครั้งก็ยังถูกปฏิเสธในช่องทางติดต่อโดยอัตโนมัติอีกด้วย
ต่อมา John Mueller หนึ่งในทีม Search Relations ของ Google ได้เข้ามาตอบด้วยตัวเองว่า ถ้าเขาเป็นเจ้าของแบรนด์ เขาก็จะเลือกใช้โดเมนแบบดั้งเดิมอย่าง .com มากกว่า ถึงแม้จะต้องใส่ขีดกลาง (-) ก็ตาม เพราะโดเมนราคาถูกหรือแจกฟรีบางประเภท มักถูกใช้ในทางสแปมบนระบบต่าง ๆ จนถูกมองว่ามีความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือ
เขายังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า นามสกุลโดเมนทั้งหลาย ไม่ได้แตกต่างกันในเชิงเทคนิค แต่ต่างกันในเชิง ภาพลักษณ์และความไว้วางใจ หากใช้โดเมนที่เต็มไปด้วยเว็บไซต์คุณภาพต่ำ Google อาจไม่ลงโทษโดยตรง แต่ระบบอื่น ๆ เช่น Email Server หรือ Web Filter อาจเป็นฝ่ายบล็อกโดเมนเหล่านั้นโดยอัตโนมัติแทน ซึ่งสุดท้ายก็ส่งผลต่อชื่อเสียงของแบรนด์อยู่ดี
นอกจากนี้ John ยังเตือนว่า หากกำลังสร้างแบรนด์ระยะยาว ก็ควรลงทุนกับโดเมนที่มาจากผู้ให้บริการ (Registrar) ที่มีมาตรฐานชัดเจนจะดีกว่า ถึงแม้ต้องจ่ายแพงกว่าเล็กน้อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าในการหลีกเลี่ยงปัญหาในระยะยาวได้
สรุปสั้น ๆ ได้ว่า แม้ Google จะไม่สนใจว่าเราใช้ .xyz หรือ .com แต่โลกออนไลน์นั้นตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ เจ้าของเว็บอื่น ไปจนถึงระบบกรองสแปม ต่างก็มองว่า TLD บางกลุ่มเสี่ยง ต่อความปลอดภัย
ดังนั้น หากชื่อ .com ที่อยากได้ถูกจดไปแล้ว ก็ควรจะเลือกใช้ชื่อแบรนด์เดิมแต่มีขีดกลาง เช่นmy-brand.comยังดีกว่าการหันไปใช้ TLD ที่มีภาพลักษณ์ไม่ดี เพราะในระยะยาว สิ่งที่ SEO ต้องการที่สุดคือ ความน่าเชื่อถือไม่ใช่ความเท่ของนามสกุลโดเมน

แล้วเราควรเลือกโดเมนเนมแบบไหนดี?
การเลือกโดเมนเนมที่ดี ต้องตอบโจทย์ทั้งความชัดเจน ความน่าเชื่อถือ และความยั่งยืนในระยะยาว โดยเราได้สรุปแนวทางง่าย ๆ มาให้แล้ว ดังนี้
1. เลือกชื่อที่จำง่ายและตรงกับแบรนด์
ชื่อโดเมนที่ดีควรจะสั้น กระชับ และจำง่ายเลี่ยงการใช้ตัวเลขหรือขีดกลางเยอะ ๆ ที่จะทำให้ผู้ใช้พิมพ์ผิดได้ง่ายเพราะโดเมนคือป้ายชื่อหน้าร้านบน Google ถ้าอ่านยาก คนก็จำไม่ได้ เช่น
- blupaper.co กระชับ จำง่าย
- blu-paper-2025.io สับสน ดูไม่เป็นมืออาชีพ
2. ใช้นามสกุลโดเมน (TLD) ที่ผู้ใช้คุ้นเคย
หากทำธุรกิจทั่วไปหรือเน้นกลุ่มตลาดกว้าง การเลือกใช้ .com, .co, หรือ .co.th ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอยู่เสมอ เพราะเป็น TLD ที่ Google และผู้ใช้คุ้นเคยมากที่สุด
แต่ถ้าเป็นธุรกิจเฉพาะกลุ่มอย่างสตาร์ตอัปสายเทคหรือซอฟต์แวร์ .io ก็ถือว่ามีภาพลักษณ์ดีขึ้นในช่วงหลัง เพราะถูกใช้โดยบริษัทเทคระดับโลกหลายแห่ง
ส่วน TLD ใหม่ ๆ อย่าง .xyz, .top, .cc, .info ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะถ้าเป็นเว็บใหม่ เพราะหลายระบบยังมองว่ายังเสี่ยงสแปมอยู่
3. ตรวจสอบชื่อก่อนจด
การตรวจสอบเล็กน้อยก่อนจดจะช่วยให้เราเลี่ยงปัญหาในอนาคตได้ เช่น ป้องกันการใช้โดเมนที่เคยใช้ทำสแปมมาก่อนจน Google ไม่อยากจัดอันดับให้ ดังนั้น ก่อนจะจดโดเมน อย่าลืมเช็กเสมอว่า
- ชื่อนั้นมีคนใช้ใน Social Media หรือยัง
- มีใครจดเครื่องหมายการค้าชื่อเดียวกันไหม
- มีประวัติการใช้งานในอดีตหรือถูกแบนหรือเปล่า ซึ่งสามารถเช็กได้ผ่าน Wayback Machine หรือ Archive.org
4. พยายามหาทางใช้ .com แม้จะถูกจดไปแล้ว
หากชื่อโดเมนที่ต้องการใน .com ถูกจดไปแล้ว ลองปรับมาใช้ทางเลือกต่อไปนี้แทน
- เพิ่มคำขยายเล็กน้อย เช่น getbrand.com, brandonline.com
- ใช้ขีดกลางแบบอ่านง่าย เช่น my-brand.com
- เลือก TLD ที่ใกล้เคียงและมีภาพลักษณ์ดี เช่น .co หรือ .net
หลีกเลี่ยงการเลือกโดเมนราคาถูกที่ไม่รู้ที่มา และลองพยายามหาทางจดโดเมนที่น่าเชื่อถือไว้ก่อนจะดีกว่า เพราะการพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ใช้เวลามากกว่าการคิดโดเมนเนมอย่างแน่นอน
เริ่มสร้างเว็บไซต์ด้วยโดเมนเนมที่น่าเชื่อถือ
การเลือกโดเมนเนมไม่ได้มีผลต่อ SEO แค่เรื่องเทคนิค แต่สะท้อนตัวตนและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ทั้งในสายตาผู้ใช้และ Google เพราะในโลกออนไลน์ ความเชื่อมั่นคือสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ ถ้าเลือกใช้โดเมนที่ดีตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ว่าเว็บไซต์ของเราไม่ใช่สแปม
แต่ถ้าเลือกพลาด อาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปีเพื่อกู้ความเชื่อมั่นกลับมาเลยทีเดียว
หากคุณกำลังอยากทำให้เว็บไซต์ให้เติบโตอย่างมั่นคง
ตั้งแต่การวางโดเมนเนม วางโครงสร้าง SEO ไปจนถึงการวิเคราะห์ Technical SEO เชิงลึก
Blupaper พร้อมช่วยวางแผนให้ครบทุกมิติ ติดต่อเราเพื่อปรึกษาทีมการตลาดฟรี!
- โทร. 094-454-2495
- Line: @blupaper
- Facebook: Blupaper Digital Marketing Agency
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโดเมนเนม
Q: ใช้โดเมน .xyz หรือ .io จะกระทบ SEO ไหม?
A: ไม่กระทบโดยตรง แต่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของโดเมนนั้นในสายตาผู้ใช้และระบบกรองสแปม
ถ้าโดเมนของคุณอยู่ในกลุ่มที่มักถูกใช้ในทางสแปม อาจต้องใช้เวลาพิสูจน์มากขึ้นกว่าโดเมนทั่วไป
Q: ใช้โดเมนประเทศ (.th, .jp, .uk) จะมีผลกับการจัดอันดับในประเทศไหม?
A: มีผลต่อสัญญาณพื้นที่ (Geotargeting) เช่น เว็บไซต์ที่ใช้ .th มักจะถูกแสดงผลใน Google ประเทศไทยมากกว่าในต่างประเทศ ดังนั้น ถ้าเน้นตลาดในไทย การใช้โดเมน .co.th หรือ .in.th จะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกว่า
Q: จดโดเมนหลายชื่อ / หลาย TLD ช่วยกันอันดับได้ไหม?
A: ไม่ช่วย การมีหลายโดเมนจะไม่รวมผลทาง SEO เข้าด้วยกัน
แต่ถ้าอยากป้องกันคนแอบจดชื่อคล้ายแบรนด์ สามารถจดเพิ่มได้ แต่ต้องทำ Redirect กลับมาที่โดเมนหลักเท่านั้น เพื่อไม่ให้ Google มองว่ามีเนื้อหาซ้ำกัน
Q: ใช้ Subdomain แยกคอนเทนต์ ดีต่อ SEO ไหม?
A: ถ้าอยากแยกกลุ่มเนื้อหาอย่างชัดเจน เช่น Blog, Shop, Community การใช้ Subdomain จะเหมาะสมกว่า แต่ถ้าต้องการเสริมด้าน SEO ให้เว็บไซต์หลักแข็งแรง ควรใช้โฟลเดอร์ (brand.com/blog) จะดีกว่า เพราะพลังของลิงก์ทั้งหมดจะส่งกลับมาที่โดเมนหลักโดยตรง
Q: อายุโดเมนมีผลต่อ SEO จริงไหม?
A: มีผลทางอ้อม เพราะ Google ไม่ได้ให้คะแนนตามอายุ แต่เว็บไซต์ที่เปิดมานานมักมี Backlink คุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และประวัติที่ดีกว่า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการจัดอันดับ