เจาะลึก Google Ads เทคนิคเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจด้วยการโฆษณาออนไลน์

เทคนิคยิง Google Ads ให้ปัง จ่ายน้อยแต่ยอดขายพุ่ง

การทำโฆษณาบน Google Ads ให้ได้ผลลัพธ์ดีไม่ใช่แค่เรื่องของการกด Boost หรือใส่เงินเข้าไปแล้วหวังผล แต่ต้องมีการวางแผนให้ดี เพื่อให้ “จ่ายน้อยแต่ได้ยอดขายเพิ่ม” มาดูเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้แคมเปญของคุณยิงแอดแบบ ไม่เสียเปล่า และเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้แม่นยำสุด ๆ

1. ตั้งเป้าหมายให้ชัด

ก่อนจะเริ่มยิงแอด ลองถามตัวเองก่อนว่า “เราต้องการอะไรจากโฆษณานี้?”  เพิ่มยอดขาย เพิ่ม Traffic ให้เว็บ หรือสร้างการรับรู้แบรนด์ การกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณ เลือกประเภทโฆษณาและตั้งค่ากลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด เช่น ถ้าต้องการเพิ่มยอดขาย ก็ควรเน้นไปที่ โฆษณา Conversion ที่ช่วยกระตุ้นให้คนซื้อ ไม่ใช่แค่กดเข้าเว็บเฉย ๆ

ทริคก็คือ เจาะจงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด ไม่ใช่หว่านไปทั่ว เช่น กำหนดอายุ เพศ ความสนใจ พฤติกรรม ให้ตรงกับสินค้าและบริการของคุณ

2. เลือกคีย์เวิร์ดให้โดน

Keyword เป็นหัวใจสำคัญของ Google Ads ถ้าเลือกพลาด อาจทำให้ โฆษณาไปโผล่ผิดกลุ่ม เสียเงินเปล่า ๆ ควรเลือกคีย์เวิร์ดที่

• ตรงกับสินค้าหรือบริการ
• มีปริมาณการค้นหาที่เหมาะสม
• ไม่กว้างเกินไป

ตัวอย่างเช่น แทนที่จะใช้คำว่า “โฆษณาออนไลน์” ลองใช้เป็น “รับทำโฆษณาออนไลน์” หรือ “บริษัทรับทำโฆษณาออนไลน์” จะช่วยให้เจาะจงลูกค้าเป้าหมายได้แม่นยำกว่า

แนะนำให้ใช้ Google Keyword Planner ช่วยค้นหาคีย์เวิร์ดและเช็กการแข่งขันแบบฟรี ๆ

3. เขียนโฆษณาให้น่าคลิก

ถ้าคุณเขียนโฆษณาธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรดึงดูดใจ ต่อให้ยิงแอดไปเยอะ ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ หลักสำคัญของข้อความโฆษณาที่ดี คือ

• กระชับ ชัดเจน บอกให้รู้เลยว่าสินค้าคุณช่วยแก้ปัญหาอะไร
• กระตุ้นความสนใจ เช่น ใส่ข้อเสนอพิเศษ เช่น “ลด 50% วันนี้เท่านั้น!”
• มีคีย์เวิร์ดใน Title และ Description เพื่อช่วยเพิ่ม Quality Score

ทริคก็คือ ใช้ Ad Extensions เพิ่มปุ่มโทร ลิงก์เสริม หรือรีวิว เพื่อช่วยให้โฆษณาน่าสนใจขึ้นและเพิ่มอัตราการคลิก (CTR)

4. ปรับ Landing Page ให้ปิดการขายได้

โฆษณาดีแค่ไหนก็ไร้ค่า ถ้า Landing Page ไม่พร้อมปิดการขาย Landing Page ที่ดีต้องประกอบด้วย

• มีรายละเอียดสินค้า และบริการครบถ้วน
• โหลดเร็ว รองรับทุกอุปกรณ์
• มีรีวิวจากลูกค้า เพิ่มความน่าเชื่อถือ
• มีปุ่ม Call to Action (CTA) ชัดเจน เช่น “สั่งซื้อเลย” หรือ “ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ”

Checklist Landing Page ที่ดี

• หัวข้อใหญ่ชัดเจน ดึงดูดความสนใจ
• มีรูปภาพหรือวิดีโอที่เกี่ยวข้อง
• ใส่ Bullet Points ให้ข้อมูลอ่านง่าย
• มีรีวิวจากลูกค้า หรือรางวัลการันตี
• มีปุ่ม Call to Action ที่โดดเด่น

แล้วอย่าลืมแทรกคีย์เวิร์ดลงในเนื้อหาของหน้าเว็บด้วย เพื่อช่วยเรื่อง SEO

5. ทำ Remarketing ดึงลูกค้ากลับมา

รู้หรือไม่? ลูกค้าส่วนใหญ่มักไม่ซื้อสินค้าทันทีที่เห็นโฆษณาครั้งแรก ดังนั้น Remarketing จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยดึงคนที่เคยเข้าเว็บ หรือเคยคลิกโฆษณากลับมาใหม่ เหตุผลที่ควรทำ Remarketing คือ

• เพิ่มโอกาสปิดการขาย เพราะคนที่เห็นโฆษณาคุณเคยสนใจแล้ว
• ลดต้นทุนค่าโฆษณา เพราะยิงแอดไปหาคนที่มีแนวโน้มซื้อสูง
• ปรับแต่งโฆษณาให้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้า

ทริคคือ ใช้ Dynamic Remarketing ให้ Google แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าดูไปแล้ว

6. วัดผล-ปรับปรุงแคมเปญตลอดเวลา

อย่ายิงแอดแล้วปล่อยไปแบบ “ยิงแล้วลืม”! ต้องติดตามผลลัพธ์และปรับปรุงแคมเปญตลอดเวลา

• เช็ก CTR (Click-Through Rate) ดูว่าโฆษณามีคนคลิกเยอะแค่ไหน
• วิเคราะห์ Conversion Rate เพื่อดูว่าโฆษณาช่วยสร้างยอดขายได้จริงไหม
• ปรับแต่ง งบโฆษณา & Keyword ตามผลลัพธ์ที่ได้
• ทดลองทำ A/B Testing เช่น เปลี่ยนคำโฆษณาหรือรูปภาพ แล้วดูว่าแบบไหนได้ผลดีกว่า

ทริคคือ ใช้เครื่องมือ Google Analytics และ Google Ads เพื่อติดตามผลแบบละเอียด

 “ยิงแอดแบบมีแผน ดีกว่าเผางบไปฟรี ๆ” ลองเอาเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าแคมเปญ Google Ads ของคุณจะ คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์แน่นอน