Hreflang คืออะไร?

Hreflang (Hypertext Reference Language) คือ แท็ก HTML ที่ใช้บอก Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ว่า หน้าเว็บของเรารองรับหลายภาษา ด้วยเนื้อหาเดียวกันในภาษาต่าง ๆ และควรแสดงเวอร์ชันไหนให้ใครเห็นบ้าง

นอกเหนือจากนี้ Hreflang ยังช่วยให้ Google รู้ว่าเว็บเรามีภาษาที่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังค้นหาหรือเปล่า แถมยังบอกได้ด้วยว่า เนื้อหาของเราชัดเจนและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแค่ไหน เช่น ถ้าคนไทยเสิร์ชหา แต่ดันไปเจอเว็บภาษาอังกฤษ ก็อาจทำให้เขาไม่อยากคลิก แต่ถ้าใช้ Hreflang ถูกต้อง เว็บเราก็จะโชว์เวอร์ชันที่ตรงกับภาษาของผู้ใช้พอดี เพิ่มโอกาสให้คนเข้าชมมากขึ้นได้ง่าย ๆ

ทำไมต้องทำเว็บหลายภาษา?

ถ้าอยากให้ธุรกิจของคุณปังไปทั่วโลก การมีเว็บหลายภาษาด้วย Hreflang จึงไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นทางรอด มาดูกันว่าเว็บหลายภาษาจะพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร

1. เข้าหาผู้คนได้ทั่วโลก

ถ้าเว็บไซต์ของเรามีแค่ภาษาไทยก็เหมือนกำลังปิดกั้นตัวเองให้อยู่ในตลาดแคบ ๆ การทำให้เว็บมีภาษาอังกฤษ จีน หรือภาษาอื่น ๆ เพิ่มเติม ทำให้เรากระโดดเข้าไปเล่นในตลาดโลกได้ดีกว่าเป็นไหน ๆ ยกตัวอย่างเช่น เรากำลังทำเว็บไซต์ E-Commerce ขายของออนไลน์ การทำให้หน้าเว็บไซต์มีหลายภาษา ก็เหมือนกับเรามีหน้าร้านหลายสาขากระจายอยู่ทั่วโลก

2. เพิ่มยอดขายแบบไม่ต้องง้อใคร

คนเรามักสิ่งที่คุ้นเคย การมีเว็บภาษาท้องถิ่นให้กับชาวต่างชาติ ก็เหมือนเรากำลังพูดภาษาเดียวกับพวกเขาอยู่ ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจที่เราเข้าใจและใส่ใจพวกเขาจริง ๆ และอยากซื้อของมากขึ้น

3. สร้างความน่าเชื่อถือแบบอินเตอร์

การใช้ Hreflang ในการทำเว็บไซต์หลายภาษา พร้อมเนื้อหาที่ถูกต้องและเป็นธรรมชาติ ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของลูกค้าต่างชาติ แสดงให้เห็นว่าธุรกิจของเรามีความเป็นมืออาชีพ ใส่ใจลูกค้า พร้อมที่จะเติบโตในระดับโลก และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม

4. เพิ่มโอกาสในการทำ SEO

หากเราต้องการเข้าถึงลูกค้าในแต่ละประเทศ Local SEO เป็นสิ่งสำคัญ และ Hreflang เองก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ Google เข้าใจว่าควรแสดงหน้าไหนให้กับผู้ใช้ในแต่ละพื้นที่ เพราะ Google จะแสดงผลการค้นหาที่ตรงกับภาษาของผู้ใช้ การทำเว็บไซต์หลายภาษาด้วยการตั้งค่า Hreflang ที่ถูกต้องควบคู่ไปกับการทำ Keyword Research ในแต่ละภาษา จะช่วยให้เข้าใจว่าผู้ใช้ในแต่ละประเทศค้นหาข้อมูลอะไร และใช้คำค้นหาแบบไหน การทำแบบนี้จะเพิ่มโอกาสติดอันดับในประเทศต่าง ๆ ให้สูงขึ้น

การทำเว็บหลายภาษาจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตในระดับโลก เพราะเว็บไซต์ของเราจะโดดเด่นและเหนือกว่าคู่แข่งแบบไม่ต้องสงสัย!

เว็บไซต์หลายภาษา

ปั้นเว็บไซต์ให้โกอินเตอร์ ด้วยHreflang +เทคนิค Local SEO ที่ต้องรู้!

ถ้าอยากให้เว็บไซต์ของเราดังไกลไปถึงต่างประเทศ ห้ามพลาดการทำ Local SEO เพราะไม่ใช่แค่แปลภาษาแล้วจะจบ แต่เราต้องปรับแต่งเว็บไซต์ให้เข้าถึงและโดนใจกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศด้วย! ซึ่ง Hreflang นี่แหละ ที่จะทำให้เราทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ

1. วางแผนให้เป๊ะตรงกลุ่มเป้าหมาย

เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายว่าพวกเขาใช้ภาษาอะไรและอยู่ในประเทศไหนเป็นหลัก ให้มั่นใจก่อนเลือกภาษาและประเทศที่จะใช้ใน Hreflang tags เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมายของเราจริง ๆ เช่น เราต้องการตีตลาดเอเชียตะวันออก ก็อาจเลือกแปลภาษาจีน และอาจรวมไปถึงประเทศข้างเคียงอย่างภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลีด้วยก็ได้ เป็นการทำ Local SEO ไปในตัว

เช่นนั้นเราก็ต้องติด Hreflang tag ให้ถูกต้องในทุกหน้าเว็บไซต์ด้วย เพื่อบอกว่า URL ไหนเป็นภาษาไหน เช่น ภาษาไทย คือ th, ภาษาอังกฤษ คือ en และภาษาเกาหลี คือ kr เป็นต้น

2. เลือกโครงสร้าง URL ที่เหมาะสม

เลือกใช้โครงสร้าง URL ให้เหมาะจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของเรา และแสดงเนื้อหาที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละคนได้ดียิ่งขึ้น โดยมี 3 วิธีหลักด้วยกัน

2.1 ไดเร็กทอรีย่อย (Subdirectory)

เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะทุกภาษาจะอยู่ภายใต้โดเมนหลักเดียวกัน จัดการ SEO และวิเคราะห์ข้อมูลสะดวก เช่นblupaper.co/th/ สำหรับภาษาไทย และblupaper.co/en/ สำหรับภาษาอังกฤษ

แต่ก็มีข้อจำกัดในการปรับแต่งสำหรับแต่ละภูมิภาค ในกรณีที่ต้องการแยกเนื้อหาหรือออกแบบสำหรับแต่ละประเทศ

2.2 โดเมนย่อย (Subdomain)

ช่วยให้แยกเนื้อหาในแต่ละภาษาผ่านโดเมนย่อยได้ชัดเจน สามารถแยกการจัดการ SEO สำหรับแต่ละภาษาได้ ซึ่งเหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการออกแบบเนื้อหาให้แตกต่างกันตามภูมิภาค เช่น en. blupaper.com (ภาษาฝรั่งเศส), th. blupaper.com (ภาษาไทย)

แต่ก็ต้องจัดการหลายโดเมนย่อยGoogle อาจมองว่าเป็นเว็บไซต์ที่แยกกัน ทำให้เรายุ่งยากขึ้นในการสร้าง SEO สำหรับแต่ละโดเมนย่อย

2.3 โดเมนที่แตกต่างกัน (Country-Specific Domain)

ช่วยให้ Google เข้าใจได้ง่ายว่าเรากำหนดเป้าหมายไปยังประเทศไหนอย่างชัดเจน เหมาะมากสำหรับการทำ SEO ในพื้นที่เฉพาะหรือกลุ่มเป้าหมายที่จำกัด เช่น blupaper.fr (ฝรั่งเศส), blupaper.jp (ญี่ปุ่น), blupaper.co.uk (สหราชอาณาจักร)

และแน่นอนว่าต้องแลกกับการจัดการหลายโดเมน ซึ่งเสียเวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการจัดการ SEO และการซื้อโดเมนใหม่ จึงต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบในเรื่องของเนื้อหาและการออกแบบเว็บไซต์แต่ละประเทศ

แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจบอกได้ว่าโครงสร้าง URL แบบไหนดีหรือเหมาะสมที่สุด เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะและความต้องการของแต่ละธุรกิจ

3. Keyword Research คำที่แต่ละชาติใช้ค้นหา

การทำ Local SEO สำหรับเว็บไซต์หลายภาษา เราต้องทำการบ้านเรื่องคำค้นหาในแต่ละภาษา เพื่อให้เข้าใจว่าผู้คนในแต่ละประเทศใช้คำค้นหาแบบไหนให้ดี โดยสามารถใช้เครื่องมือ เช่นGoogle Keyword Planner หรือUbersuggest ช่วยหาคำค้นหายอดฮิตของแต่ละประเทศได้ เพื่อให้เนื้อหาของเราดึงดูดผู้ใช้ได้มากขึ้น เช่น ในไทย คนอาจจะค้นหาคำว่า“ทำ SEO” แต่ในญี่ปุ่น คนอาจค้นหาคำว่า“SEO 対策” (SEO Taisaku)

ดังนั้น การเลือกคำที่ถูกต้องและสอดคล้องกับตลาดนั้น ๆ จะช่วยให้การค้นหาและการเข้าถึงเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้น

4. On-Page SEO

เมื่อมีเว็บหลายภาษาแล้ว ก็ต้องปรับแต่งหน้าตาเว็บไซต์ให้เข้ากับแต่ละภาษาด้วย เช่น เว็บไซต์ของเรารองรับภาษาไทย-อังกฤษ ก็ต้องมี Title tags, Meta descriptions และ Heading tags ทั้งสองภาษา ให้เห็นว่าแต่ละหน้าเป็นภาษาไหน พร้อมกับการใช้ Keyword ที่คนในประเทศนั้นใช้

5. Technical SEO

เพื่อให้เว็บไซต์ของเราเหมาะสมกับเครื่องมือค้นหามากที่สุดและติดอันดับได้ดีขึ้น เราก็ต้องทำให้โครงสร้างเว็บไซต์ถูกต้องตามมาตรฐานเช่นกัน

  • สร้าง XML Sitemaps ที่บอกเครื่องมือค้นหาว่ามีหน้าไหนบ้าง และหน้าไหนใช้ภาษาอะไร เช่น ถ้ามีหน้าเว็บภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนในเว็บไซต์เดียวกัน เราต้องระบุให้ชัดเจนว่าแต่ละหน้าเป็นภาษาไหน ด้วย Hreflang เพื่อให้ Google แสดงเนื้อหาภาษาที่เหมาะสมกับผู้ใช้ได้
  • ใช้ Canonical Tags เพื่อบอก Google ว่าหน้าเว็บบางหน้าอาจจะมีเนื้อหาซ้ำกัน เช่น ถ้าแปลเนื้อหาจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เราต้องบอก Google ว่าหน้านี้เป็นการแปลจากหน้าอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาคอนเทนต์ซ้ำซ้อนที่อาจทำให้เว็บไซต์ของเราถูกลงโทษ
  • ทำเว็บ Mobile-Friendly เพราะปัจจุบันนี้ ใคร ๆ ก็ใช้สมาร์ตโฟนในการค้นหากันทั้งนั้น เว็บไซต์ของเราจึงควรเข้าถึงได้ดีทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อปในทุกภาษา

Blupaper พร้อมช่วยทุกเว็บไซต์ให้ Global!

อ่านกันมาถึงตรงนี้ จะเห็นว่า Hreflang ช่วยให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหามากขึ้นว่าเวอร์ชันไหนเหมาะกับผู้ใช้คนไหน ป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน และเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ ส่วน Local SEO ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าในแต่ละพื้นที่ สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการปรากฏในการค้นหาระดับท้องถิ่น ถึงแม้การทำเว็บไซต์หลายภาษาให้ประสบความสำเร็จในระดับสากลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เชื่อว่าไม่ยากเกินฝีมือแน่นอน

แต่จะดีกว่าไหม ถ้าให้Blupaper ช่วยคุณ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และการตลาดดิจิทัล ที่พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่า Hreflang tags การทำ Local SEO หรือการสร้างเนื้อหาที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เราพร้อมดูแลให้เว็บไซต์ของคุณก้าวสู่ตลาดโลกอย่างมั่นใจติดต่อ Blupaper วันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!