SEO Audit คืออะไร?
ก่อนจะไปถึงเรื่อง Technical SEO มาทำความเข้าใจภาพรวมกันก่อน SEO Audit คือกระบวนการที่ครอบคลุมการตรวจสอบเว็บไซต์ทั้งหมดอย่างละเอียด เพื่อให้รู้ปัญหาและแนวทางปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดอันดับบน Google ซึ่งกระบวนการนี้จะครอบคลุมทั้งในส่วนของคอนเทนต์ (On-Page SEO) โครงสร้างเว็บไซต์ และปัจจัยทางเทคนิค (Technical SEO)
การทำ Website Audit จะช่วยให้มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของเว็บไซต์ได้ชัดเจน เพื่อให้สามารถวางแผนและกำหนดกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับอัลกอริทึมของ Google มากขึ้น
Technical SEO Audit สำคัญต่อเว็บไซต์อย่างไร?
Technical SEO Audit คือ การตรวจสอบในเชิงเทคนิคล้วนๆ ที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาได้ในทันที แต่ส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับและประสบการณ์ของผู้ใช้งานอย่างมาก
สิ่งที่ต้องทำ Technical SEO Audit
การทำ SEO Audit ในเชิง Technical ประกอบไปด้วยหลายส่วน แต่สิ่งที่ SEO Specialist มักจะตรวจสอบอยู่เป็นประจำ ได้แก่
- Site Speed : ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ต้องการรอนาน ซึ่งจากข้อมูลของ Backlinko พบว่า ความเร็วเว็บไซต์มีความสัมพันธ์กับการติดอันดับบน Google อย่างมีนัยสำคัญ
- Mobile-Friendly : การรองรับการแสดงผลบนอุปกรณ์มือถือ
- Indexability : การตรวจสอบว่าหน้าเว็บที่สำคัญถูก Google Index แล้วหรือยัง
- Sitemap & Robots.txt: โครงสร้างที่ชัดเจนในการบอกเส้นทางให้ Google Bot รู้ว่าควรเข้าถึงหน้าไหนได้บ้าง
- HTTPS Security : เว็บไซต์ควรใช้ SSL เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย
ประเด็นเหล่านี้คือพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพเว็บไซต์และการจัดอันดับบน Google โดยตรง
ข้อดีของการทำ Technical SEO Audit
หลายธุรกิจทุ่มเงินไปกับการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูง หรือการซื้อโฆษณา แต่กลับมองข้ามการตรวจสอบ Technical SEO พื้นฐานไป ทำให้เสียค่าใช้จ่ายไปฟรี ๆ โดยที่เว็บไซต์ยังไม่ติดอันดับ ซึ่งข้อดีของการทำ SEO Audit ได้แก่
- เพิ่มโอกาสในการติดอันดับ Googleเมื่อเว็บไซต์มีรากฐานที่แข็งแรงและไม่มีปัญหาทางเทคนิค Google ก็พร้อมที่จะจัดอันดับให้สูงขึ้น
- ลด Bounce Rateเว็บไซต์ที่โหลดเร็วและใช้งานง่าย ผู้ใช้จะอยู่บนหน้าเว็บนานขึ้นและไม่กดออกไปอย่างรวดเร็ว
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เว็บไซต์ที่ปลอดภัยและมีการจัดการที่ดีจะสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้งาน
- เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนด้านคอนเทนต์และโฆษณาเมื่อเว็บไซต์ของคุณพร้อมทำงานแล้ว การลงทุนด้านอื่น ๆ ก็จะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากขึ้น
อ่านบทความที่น่าสนใจ : 9 เคล็ดลับ สร้างเว็บไซต์ให้โดดเด่นในสายตา Google
วิธีตรวจสอบ Technical SEO เบื้องต้น
สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่อยากลองตรวจสอบ Technical SEO ด้วยตัวเองแต่กลัวทำไม่ได้ ไม่ต้องกังวลเลย เพราะการทำ Website Audit เบื้องต้นนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด โดยสิ่งที่ต้องตรวจสอบเบื้องต้นทำได้ ดังนี้
- ตรวจสอบความเร็วเว็บไซต์ด้วย PageSpeed Insights ของ Google
- ดูว่าเว็บรองรับมือถือหรือไม่ด้วย Mobile-Friendly Test
- ตรวจสอบ Index โดยการพิมพ์ site:ตามด้วยชื่อโดเมนเว็บไซต์ของคุณ (ไม่ต้องใส่ https://) เช่น site:blupaper.co ในช่องค้นหาของ Google เมื่อกดค้นหาระบบจะแสดงหน้าเว็บไซต์ที่ถูก Index ทั้งหมด
- เช็ก Sitemap และ Robots.txt ว่ามีการตั้งค่าถูกต้องหรือไม่
- ตรวจสอบ Broken Links ที่อาจทำให้ผู้ใช้เจอ Dead Page
การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของสุขภาพเว็บไซต์เชิงเทคนิคได้ในระดับหนึ่ง แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดในการทำ Website Audit ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะสำหรับ SEO Audit เพิ่มเติมด้วย

เครื่องมือทำ Technical SEO Audit มีอะไรบ้าง?
หากต้องการการทำ Website Audit ที่ลงลึกและละเอียดมากขึ้น การใช้เครื่องมือระดับมืออาชีพเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานง่ายและแม่นยำ ที่ SEO Specialist ส่วนใหญ่เลือกใช้ มีดังนี้
- Google Search Console (GSC) : เป็นเครื่องมือฟรีที่สำคัญที่สุดจาก Google ช่วยให้คุณตรวจสอบสถานะการ Index, ปัญหาด้านความปลอดภัย, และข้อผิดพลาดต่างๆ ของเว็บไซต์ได้
- Screaming Frog SEO Spider : เครื่องมือที่ช่วยสแกนโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณอย่างละเอียด ทำให้เห็นปัญหาต่างๆ เช่น Broken Links, Redirects, หรือ Meta Tags ที่ไม่ถูกต้อง
- SEMrush / Ahrefs : เป็นเครื่องมือ All-in-one ที่ครอบคลุมการทำ SEO ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ Backlink, การวิเคราะห์คู่แข่ง, และการทำ Health Score ของเว็บไซต์
- GTmetrix : อีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้วัดความเร็วเว็บไซต์ได้อย่างแม่นยำ และยังมีข้อแนะนำที่เจาะลึกเพื่อช่วยให้คุณปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ใช้สำหรับทำ SEO แบบ On-Page และ Off-Page ให้เลือกใช้อีกมากมาย ส่วนจะเลือกใช้ตัวไหน หรือเครื่องมืออะไรบ้างก็ขึ้นอยู่กับความถนัด เทคนิคและประสบการณ์ของ SEO Specialist แต่ละคนด้วย
ทำเว็บไซต์มานาน แต่ไม่เคยติดหน้าแรก Blupaper มีบริการ Website Audit พร้อมทำ SEO โดยทีมงานมืออาชีพ ช่วยเปลี่ยนอันดับจากหน้าหลัง เป็นหน้าแรกได้ไม่ยาก!ปรึกษาเราตอนนี้
ตารางเปรียบเทียบการใช้งานเครื่องมือ SEO Audit
เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือทำ SEO Audit ในแต่ละส่วนให้มากขึ้น ลองมาดูตารางเปรียบเทียบการใช้งานทั้งด้าน Technical, On-Page และ Off-Page กัน
| ประเภท SEO | ความหมาย | สิ่งที่โฟกัส | เครื่องมือที่ใช้ | 
| Technical SEO | การปรับปรุงปัจจัยทางเทคนิคที่มีผลต่อการจัดอันดับและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ | Site Speed, Mobile-Friendly, Indexability, Sitemap | Google Search Console, Screaming Frog, GTmetrix | 
| On-Page SEO | การปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างบนหน้าเว็บให้มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด | Title Tags, Meta Descriptions, Keyword Optimization, Internal Links | Yoast SEO, SurferSEO, Google Keyword Planner, Rank Math | 
| Off-Page SEO | การปรับปรุงปัจจัยภายนอกที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจของเว็บไซต์ | Backlinks, Domain Authority, Social Signals, Brand Mentions | Ahrefs, SEMrush, Moz | 
จากตารางจะเห็นได้ว่าทุกองค์ประกอบของการทำ SEO ล้วนมีความสำคัญที่ต้องอาศัยเครื่องมือและเทคนิคในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับแบบปัง ๆ ได้ในระยะยาว
Technical SEO Audit ก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์
การทำเว็บไซต์ในยุคนี้ไม่ใช่แค่เว็บต้องสวย และมีคอนเทนต์เจ๋งเท่านั้น การทำ Technical SEO Audit ก็สำคัญ เพราะช่วยให้รู้ได้ทันทีว่ามีอะไรที่ยังดีไม่พอในสายตา Google และต้องรีบปรับปรุง เพื่อโอกาสทำอันดับ พร้อมกับสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ด้วย
สำหรับใครที่ทำเว็บไซต์มานานแต่อันดับยังไม่ปังอย่างที่คิด ถึงเวลาต้องทำ Website Audit แล้ว! เพราะอาจมีบางอย่างที่คุณมองข้าม จนกลายเป็นจุดที่ทำให้เว็บไซต์ไปไม่ถึงฝัน Blupaperเรามีทีม SEO Specialist ที่มีประสบการณ์ พร้อมเครื่องมือทำ SEO Audit แบบจัดเต็ม เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกให้เร็วที่สุด
ปรึกษาเราฟรี! โทร.094-454-2495 หรือติดต่อเรา
อ้างอิง :backlinko.com/page-speed-stats
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEO Audit (FAQ)
Q : Technical SEO Audit ควรทำบ่อยแค่ไหน?
A : โดยทั่วไปแล้ว ควรทำ Technical SEO Audit อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือทุกครั้งที่มีการอัปเดตใหญ่ของเว็บไซต์ แต่การตรวจสอบเบื้องต้นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ทันท่วงที
Q : ใช้เครื่องมือฟรีอย่าง Google Search Console ก็พอไหม?
A : Google Search Console เป็นเครื่องมือที่จำเป็นและมีประโยชน์กับ SEO แต่การใช้เครื่องมือระดับมืออาชีพอื่น ๆ ร่วมด้วยจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดและครอบคลุมมากขึ้นสำหรับการแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิคที่ซับซ้อน
Q : Technical SEO Audit ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
A : ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของเว็บไซต์ หากเป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ถ้าเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีหลายหน้าและมีปัญหาซับซ้อน อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน
Q : ถ้าทำ Technical SEO Audit แล้วจะการันตีการติดอันดับได้ไหม?
A : การทำ Technical SEO Audit เป็นรากฐานที่สำคัญและช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับ แต่ไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้ 100% เพราะปัจจัยในการจัดอันดับยังมีอีกมากมาย เช่น คุณภาพคอนเทนต์และการแข่งขันในตลาด ซึ่งต้องทำร่วมกันอย่างเป็นระบบ