SEO Keyword Strategy คืออะไร?

SEO Keyword Strategy คือ แผนที่เราใช้กำหนดทิศทางการสร้างคอนเทนต์ทั้งหมดบนเว็บไซต์ ที่รวมกระบวนการที่เราวิเคราะห์ เจาะจง และจัดระเบียบคำหรือวลีที่ผู้ใช้งานค้นหาใน Search Engine ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจและบริการของเรา

ดังนั้น การวางกลยุทธ์ที่ดีจะไม่ใช่แค่การลิสต์คีย์เวิร์ดออกมาเฉย ๆ แต่เป็นการเลือกคำที่มีศักยภาพสูงสุดในการดึง Traffic ที่ใช่ และนำไปสู่ Conversion ที่ต้องการ

อ่านบทความที่น่าสนใจ:เจาะลึก Keyword Research หัวใจสำคัญของการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ

seo keyword strategy สำคัญอย่างไร

ทำไมต้องมี Keyword Strategy ก่อน?

การวาง SEO Keyword Strategy คือการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้เว็บไซต์ของเรา หากเลือกคีย์เวิร์ดผิดตั้งแต่แรก ทุกอย่างที่ตามมาก็จะผิดไปหมด

1. เพื่อให้เราคุยภาษาเดียวกับ Google

ถ้าไม่มีกลยุทธ์การวางคีย์เวิร์ด เราก็จะเขียนคอนเทนต์ตามความเข้าใจของเราเอง ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่ Google หรือ Search Engine ต้องการจัดอันดับ ซ้ำร้ายกว่านั้น อาจไม่ตรงกับที่ผู้ใช้งานกำลังค้นหาอยู่เลยก็เป็นได้ แต่ถ้าเราวิเคราะห์คีย์เวิร์ดล่วงหน้าจะทำให้

  • เข้าใจ Search Intent สร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุด
  • หลีกเลี่ยงการแข่งขันที่ไม่คุ้ม ประเมินระดับความยากง่ายในการติดอันดับและเลือกคีย์เวิร์ดที่มีโอกาสชนะสูง เพิ่มโอกาสที่จะได้ผลลัพธ์เร็วขึ้น

2. ดึง Traffic ที่ทำเงินได้

การทำ SEO ที่ดีไม่ใช่แค่การมี Traffic เยอะ แต่ต้องมี Traffic ที่ถูกต้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  • เน้นคุณภาพเลือกคำที่แสดงถึงความตั้งใจในการซื้อสูง เช่น คีย์เวิร์ดที่เป็น Long-Tailed Keywords ที่เจาะจงปัญหา แทนที่จะเป็นคีย์เวิร์ดกว้าง ๆ ทำให้ Traffic ที่เข้ามามีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้สูงขึ้น
  • จัดลำดับความสำคัญสร้างคอนเทนต์จาก Primary Keyword ที่ควรเริ่มก่อน หรือควรสร้าง Topic Cluster แบบไหนที่จะช่วยเสริม Topical Authority ได้เร็วที่สุด

3. ใช้เป็น Blueprint ของคอนเทนต์

Keyword Strategy คือ พิมพ์เขียวหรือแผนผังของคอนเทนต์ทั้งหมดที่เราจะต้องสร้างขึ้นมาบนเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าคอนเทนต์ของเราไม่ซ้ำซ้อนกัน และครอบคลุมทุกแง่มุมของหัวข้อที่เกี่ยวข้อง ทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับอย่างเป็นระบบและ มั่นคงในระยะยาว

ถ้าเราเริ่มต้นโดยไม่มีกลยุทธ์คีย์เวิร์ดที่ชัดเจน เราก็จะเสียเวลาไปกับการเขียนคอนเทนต์ที่อาจจะดี แต่ไม่มีใครค้นหาเจอ ดังนั้น จึงควรเริ่มที่ Strategy ก่อนเสมอ

ส่วนประกอบสำคัญของ SEO Keyword Strategy มีอะไรบ้าง?

ก่อนที่เราจะไปวางกลยุทธ์ มาทำความรู้จักประเภทของ Keyword SEO ทั้งหมดกันก่อน เพื่อให้เลือกคำได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของแต่ละหน้าเพจ

1. การแบ่งตามลำดับความสำคัญ (Focus)

  • Primary Keyword (คีย์เวิร์ดหลัก)เป็นคีย์เวิร์ดหลักที่สำคัญที่สุด และรวบใจความหลักของบทความไว้ ส่วนมากเป็นคำที่มี Search Volume สูง

แต่ Primary Keyword เองก็เป็นคีย์เวิร์ดที่กว้างมาก ๆ จึงต้องระวังไม่ให้เผลอใช้ Primary Keyword ซ้ำ กับบทความอื่นในเว็บไซต์ของเรา เพราะมันจะทำให้คอนเทนต์เหล่านั้นแย่ง Ranking กันเอง

  • Secondary Keywords (คีย์เวิร์ดรอง)เป็นคำที่ให้ใจความใกล้เคียงกับ Primary Keyword แต่มีความเฉพาะเจาะจงลงมา เช่น ถ้า Primary คือ “SEO” คีย์เวิร์ดรองอาจเป็น “SEO Techniques” หรือ “SEO Strategy”

ด้วยความที่คีย์เวิร์ดรองมี Search Volume น้อยกว่า การแข่งขันก็ต่ำกว่ามาก เพิ่มโอกาสการติดอันดับในคำเหล่านั้นได้ดีกว่า รวมถึงเรายังสามารถ Target คีย์เวิร์ดรองได้หลายคำในบทความเดียวได้อีกด้วย

2. การแบ่งตามความยาว (Specificity)

นอกจากการแบ่งตาม Focus แล้ว เรายังแบ่ง Keyword SEO ตามความยาวและความเฉพาะเจาะจงได้อีก 3 ระดับ ซึ่งสำคัญต่อการเข้าใจ Search Intent และ Conversion Rate ดังนี้

  • Head Keywordsเป็นคำศัพท์คำเดี่ยว ๆ ที่มี Search Volume สูงมาก แต่ Competition ก็สูงตาม คนที่เข้ามาตามคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะมีความต้องการหลากหลายมาก เช่น ค้นหาคำว่า “กาแฟ” อาจต้องการ “วิธีชงกาแฟ” หรือ “ร้านกาแฟที่ดีที่สุด” ซึ่งทำให้ Conversion Rate ต่ำ เพราะผู้ใช้งานมักไม่เจอสิ่งที่พวกเขาต้องการทันที
  • Body Keywordsคีย์เวิร์ดที่มีความยาว 2-3 คำ มี Search Volume ต่ำลง แต่ Competition ก็ลดตาม การเพิ่มคำเข้ามาทำให้เราเห็น Intention ของผู้ค้นหามากขึ้น เช่น “Herbal Face Scrub” ทำให้เรารู้ว่าเขาต้องการ Scrub ที่ทำจากสมุนไพร ช่วยให้ Conversion Rate สูงขึ้น
  • Long-Tail Keywordsคีย์เวิร์ดที่มีความยาวที่สุด (4 คำขึ้นไป) และมีความเฉพาะเจาะจงสูงมาก เช่น “face scrub for blackhead removal” เป็นกลุ่มคำที่มี Search Volume ต่ำ และ Competition น้อย ทำให้เราสามารถใช้ Long-Tail Keywords ให้ติดอันดับได้ง่ายมากที่สุด และที่สำคัญคือ คนที่เข้ามาก็จะมี Intention ที่ตรงกันมาก ทำให้ Conversion Rate ก็สูงตามไปด้วย
seo keyword strategy มีขั้นตอนการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดอย่างไรบ้าง

4 ขั้นตอนวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ใช่ ให้เว็บไซต์แซงหน้าคู่แข่ง!

Topic Cluster ไม่ได้ช่วยแค่ทำให้เว็บไซต์เราดูเป็นระเบียบ แต่ยังส่งผลต่อธุรกิจของเราหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

1. ทำความเข้าใจลูกค้าและหา Keyword

แน่นอนว่าก่อนจะเลือกให้ถูก เราต้องเข้าใจก่อนว่าลูกค้ากำลังพิมพ์หาอะไร เพราะ Keyword ในการทำ SEO ที่ดีที่สุดคือการหาคำที่ลูกค้าใช้ ไม่ใช่คำที่เราอยากให้ใช้ โดยอาจเริ่มจาก

  • คิดในมุมลูกค้า แล้วลองพิมพ์คำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา
  • หา Insight จากหลายแหล่งเพื่อหา Keyword ที่เป็นธรรมชาติ เช่น คำถาม FAQ จากลูกค้า รีวิวสินค้าคู่แข่ง หรืออ่าน Comment ใน Social Media เพื่อหาว่าลูกค้าใช้คำหรือภาษาอย่างไรในการอธิบายปัญหาหรือความต้องการ
  • รวบรวมคำตั้งต้น ใช้ Insight เหล่านั้นมาเป็น Keyword เริ่มต้นของเรา แล้วตามด้วยการใช้ Google Suggestion (SERP) พิมพ์คำหลักของเราลงไป แล้วดูคำที่ระบบแนะนำหรือ ‘Search Related to’ เพื่อขยายรายการ Keyword ที่ถูกค้นหาบ่อย

2. วิเคราะห์ปัจจัยหลักเพื่อคัด Keyword ที่ใช่

เมื่อเรามีลิสต์ Keyword มากพอแล้ว ขั้นต่อมาก็คือคัดกรองด้วยหลัก 3 ข้อที่ Google ให้ความสำคัญ ดังนี้

1. Keyword มีความเชื่อมโยง (Relevance)

Keyword ต้องมีความเกี่ยวข้องกับ Content และตัว Content ต้องตรงกับ User’s Intent เพื่อให้เข้าใจว่าผู้ค้นหากำลังต้องการซื้อ (Transactional) หรือต้องการหาข้อมูล (Informational)

2. Keyword เชื่อมโยงกับคอนเทนต์ที่เราเป็นผู้เขียนเอง (Authority)

เราต้องมั่นใจว่าเรามีความสามารถในการเขียนคอนเทนต์ที่ดีที่สุดในเรื่องนั้น ๆ และให้ คุณค่าหรือมุมมองใหม่ ๆ กับผู้อ่านได้ เพราะการสร้างคอนเทนต์คุณภาพที่เราเชี่ยวชาญจะช่วยเสริม Topical Authority

อ่านบทความที่น่าสนใจ:Topical Authority คืออะไร? จัดคอนเทนต์ยังไงให้ใคร ๆ ก็เชื่อถือ

3. Keyword มีปริมาณการค้นหาสูง (Search Volume)

ใช้เครื่องมืออย่าง Google Keyword Planner หรือเครื่องมือ SEO อื่น ๆ เพื่อตรวจสอบว่า Keyword นั้น ๆ มีปริมาณการค้นหาต่อเดือนมากน้อยแค่ไหน เพื่อประเมินศักยภาพของ Traffic ที่จะได้รับ

3. จัดกลุ่ม Keyword ตามประเภทและความยาว

เมื่อวิเคราะห์คีย์เวิร์ดกันเรียบร้อยแล้ว เราต้องจัดระเบียบ Keyword ที่ผ่านการคัดกรองด้วย เพื่อกำหนดบทบาทของแต่ละคำบนเว็บไซต์ของเราให้ชัดเจน โดยมีแนวทางดังนี้

  • กำหนด Primary Keywordเลือก Keyword หลักที่มี Search Volume สูงสุดและเป็นแกนหลักของหน้าเพจ แต่อย่าใช้ Primary Keyword ซ้ำกันในบทความอื่นในเว็บไซต์ เพราะจะทำให้คอนเทนต์ แย่ง Rankingกันเอง
  • มองหา Secondary และ Long-Tailed Keywordsเลือกคำที่มีความยาว 3 คำขึ้นไป ที่มี Competition ต่ำกว่า แต่มี Intention ที่ชัดเจนและ Conversion Rate สูงกว่า Head Keywords ซึ่งเป็นคำเดี่ยว เพื่อใช้สนับสนุน Primary Keyword ที่เราเลือกไว้ในตอนต้น
  • จัดกลุ่มตามลักษณะธุรกิจ พิจารณา Keyword ที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น Branded Keywords (คำที่มีชื่อแบรนด์), Geographical Keywords (คำที่ระบุตำแหน่ง) หรือ Seasonal Keywords เพื่อให้กลยุทธ์ของเราครอบคลุมทุกโอกาสทางธุรกิจ

4. ทดสอบ User’s Intent และจัดวาง Landing Page ให้ตรงเป้า

ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่เราใช้ยืนยันว่ากลยุทธ์ของเป็นไปตามที่ Google ชอบแล้วหรือยัง ด้วยการทดลองเพื่อหาหลักฐานยืนยัน

เริ่มจากทดสอบ Intent ด้วยการนำ Keyword ที่เลือก มาทดลองเสิร์ชบน Google แล้วดูว่า ผลการค้นหา (SERP) ที่ Google เลือกนำมาแสดงเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น

  • ถ้า Google แสดงผลเป็นบทความให้ความรู้ แสดงว่าคำนั้นมี Informational Intent
  • ถ้า Google แสดงผลเป็นหน้าซื้อสินค้า แสดงว่าคำนั้นมี Transactional Intent

จากนั้นจึงนำ Keyword ที่ได้มาจัดวางให้ตรง Page Objective เช่น ถ้าหน้า Landing Page ของเราเป็นหน้าขายของ ก็ต้องเลือก Keyword ที่เมื่อเสิร์ชแล้วผลลัพธ์ที่ Google แสดงออกมาคือหน้าขายของ ไม่ใช่หน้าให้ข้อมูลทั่วไป

5. นำ Keyword ไปใช้ใน Content อย่างชาญฉลาด

พอเราได้ Keyword ที่ใช่แล้ว ก็ถึงเวลานำไปใช้สร้างคอนเทนต์ โดยเน้นที่ความเหมาะสมก่อน

  • Page Title และ Heading (H1)ควรมี Primary Keyword อยู่บริเวณด้านหน้าให้ได้มากที่สุด และเสริมด้วย Secondary Keyword
  • URL และ Meta Description ใส่ Keyword หลักเข้าไปใน URL และ Meta Description ให้กระชับ ได้ใจความ เพื่อช่วยให้ Google และผู้ใช้งานเข้าใจง่าย
  • Body Text ระวังการใช้ Keyword เยอะเกินไป (Keyword Stuffing) เพราะแทนที่จะได้อันดับดี อาจทำให้ Google ลดอันดับเราได้ เราจึงควรกระจาย Keyword ให้ทั่วอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ใน 100 คำแรกของบทความ ควรมี Primary Keyword ปรากฏอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพื่อให้ Google เข้าใจหัวข้อหลักได้ตั้งแต่ต้น

การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดสำหรับการวาง seo keyword strategy ต้องระวังอะไรบ้าง

ข้อควรระวังในการวาง SEO Keyword Strategy

  • Keyword Cannibalization ใช้ Primary Keyword ซ้ำกัน ทำให้บทความแย่งอันดับกันเอง หลีกเลี่ยงการใช้ Primary Keyword ซ้ำ ในเว็บไซต์จะดีที่สุด
  • เน้น Volume สูงเกินไป พยายามแข่งกับคำที่ Competition สูง ทำให้ติดอันดับยาก ควรโฟกัสที่ Long-Tailed Keywords ที่ลื่นไหลและมีโอกาสชนะสูงก่อน
  • Keyword Stuffingยัด Keyword ซ้ำ ๆ มากเกินไปจนดูผิดธรรมชาติ อาจโดน Google ลงโทษ ควรปรับไปใช้ Keyword อย่างเหมาะสม และเน้นคำพ้องความหมายแทน
  • ละเลย User’s Intentคอนเทนต์ไม่ตอบโจทย์เจตนาผู้ค้นหา ทำให้ Bounce Rate สูง ควรทดลองเสิร์ช และสร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับ Intent เสมอ

SEO Keyword Strategy เลือกคีย์เวิร์ดดี ติดที่ 1 ได้ง่าย ๆ

SEO Keyword Strategy คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ของเราได้ Traffic ที่ถูกต้องและมีคุณภาพ ผ่านการวางแผนที่ลึกซึ้งเพื่อให้เรารู้ว่าลูกค้ากำลังค้นหาอะไร และเราควรจะตอบพวกเขาอย่างไร

ดังนั้น การลงทุนลงแรงไปกับการเลือกคีย์เวิร์ดให้ดีตั้งแต่เริ่มต้น คือการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดจะทำให้เราได้กลยุทธ์ SEO ที่มั่นคงแล้ว ยังช่วยให้เราหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดร้ายแรง และดันเว็บไซต์ของเราให้ติดอันดับได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

แต่การวาง SEO Keyword Strategy ที่สมบูรณ์แบบต้องใช้ความละเอียดและความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ข้อมูลคู่แข่งและเจตนาของผู้ค้นหาด้วย ที่ Blupaper เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญในการวางแผน SEO Keyword Strategy โดยเฉพาะ พร้อมช่วยคุณวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ไปจนถึงทำ SEO ให้อย่างครบวงจร ถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับด้วย Traffic คุณภาพ ปรึกษา Blupaper ได้เลย!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ Keyword Strategy

Q: ถ้าคีย์เวิร์ดหลักที่เลือกมามีคู่แข่งเยอะมาก ควรทำอย่างไร?

A: เปลี่ยนโฟกัสไปที่ Long-Tailed Keywords เพื่อสร้าง Cluster Content ที่เกี่ยวข้องกับคำหลักนั้นให้มากที่สุด เพื่อสร้าง Authority โดยรอบก่อน จากนั้นค่อยเปลี่ยน Intent ด้วยการลองหาคีย์เวิร์ดที่มี Informational Intent ที่เกี่ยวข้อง แล้วสร้างคอนเทนต์ให้ความรู้เพื่อดึง Traffic เข้ามาก่อน แล้วค่อยเชื่อมโยงไปยังหน้าขายสินค้า (Transactional) ทีหลัง

Q: Secondary Keyword กับ Long-Tailed Keywords แตกต่างกันอย่างไร?

A: โดยหลักการแล้ว Secondary Keyword คือบทบาทของคำ ส่วน Long-Tailed Keywords คือลักษณะของคำ กล่าวคือ

  • Secondary Keyword คือคำที่มีบทบาทสำคัญรองลงมาจาก Primary Keyword
  • Long-Tailed Keywords คือคำที่มีลักษณะยาวและเฉพาะเจาะจง

ส่วนใหญ่แล้ว Secondary Keyword ที่เลือกใช้ในคอนเทนต์เพื่อสร้าง Traffic คุณภาพ มักจะเป็นคำที่มีลักษณะเป็น Long-Tailed Keywords นั่นเอง

Q: อยากทำคีย์เวิร์ดที่เน้น Local SEO ควรทำอย่างไร?

A: ถ้าธุรกิจเป็น Local Business การใช้ Geographical Keywords เพื่อทำ Local SEO เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม ควรใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้ทั้งใน Title, Meta Description และเนื้อหาของหน้า Contact/Location Page รวมถึงสร้างและอัปเดต Google My Business ให้สมบูรณ์ เพราะ Google มักจะดึงข้อมูลจาก GMB มาแสดงในผลการค้นหาท้องถิ่น

Q: ควรปรับปรุง Keyword Strategy บ่อยแค่ไหน?

A: ควรทบทวนการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดและปรับปรุงอย่างน้อยทุก 3 – 6 เดือน หรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เช่น ฤดูกาลเปลี่ยน (Seasonal Keywords) การเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือเมื่อ Google มีการอัปเดตอัลกอริทึมครั้งใหญ่