UX/UI Design คืออะไร?
UX/UI Design คือ ศาสตร์และศิลป์ของการออกแบบผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานครบทุกด้าน ทั้งรูปลักษณ์ที่สวยงามและประสบการณ์ใช้งานที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม แม้ UX และ UI จะทำงานควบคู่กัน แต่ก็มีความหมายและหน้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
UX (User Experience) คืออะไร?
UX หรือ User Experience คือ ประสบการณ์ที่ผู้ใช้ได้รับจากการใช้งานทั้งหมด
ดังนั้น UX Design ก็คือ การออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้งานทั้งหมด ตั้งแต่ก้าวแรกที่เจอเว็บไซต์หรือแอปของเราว่า เข้าใจง่ายไหม? ใช้งานสะดวกหรือเปล่า? หรือแม้แต่หาสิ่งที่ต้องการได้เร็วแค่ไหน?
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพมากขึ้น เช่น UX ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง คือ ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับจากร้านอาหารทั้งหมด ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าร้าน ไปจนถึงสุดท้ายแล้วลูกค้าอยากกลับมาทานซ้ำอีกไหม ซึ่งก็คือประสบการณ์ผู้ใช้งานที่จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้ด้วยใจ
UI (User Interface) คืออะไร?
UI หรือ User Interface คือ หน้าตาและการจัดวางองค์ประกอบ ของเว็บไซต์หรือแอปที่ผู้ใช้งานเห็นและโต้ตอบด้วยโดยตรง
ดังนั้น UI Design ก็คือ การออกแบบหน้าตาของสิ่งที่ผู้ใช้เห็นและคลิก เช่น ปุ่ม ฟอนต์ สี เมนู หรือก็คือการทำให้หน้าตาของผลิตภัณฑ์ดิจิทัลนั้นสวยงาม น่าสนใจ และใช้งานง่ายนั่นเอง
เพื่อให้เห็นภาพด้วยการเปรียบเทียบกับร้านอาหาร UI ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง คือ การออกแบบหน้าตาและองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในร้านอาหารที่ลูกค้ามองเห็น เช่น ป้ายหน้าร้าน เมนูอาหาร การจัดวางและการตกแต่งร้านที่ทำให้คุณรู้สึกสบายตา สิ่งเหล่านี้คือ ส่วนติดต่อผู้ใช้งานที่ลูกค้ามองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์ด้วยโดยตรง
จะเห็นได้ว่า UX คือ ความรู้สึก ส่วน UI คือ สิ่งที่มองเห็น โดยที่ทั้งคู่ต้องทำงานร่วมกัน จึงจะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราได้นั่นเอง
UX/UI Design สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร?
1. ช่วยให้ลูกค้าไม่หลุดระหว่างทาง
เว็บไซต์ที่ใช้งานยาก โหลดช้า หาข้อมูลไม่เจอ หรือเมนูซับซ้อนเกินไป แม้สินค้าจะดีแค่ไหน ลูกค้าก็สามารถถอดใจและพร้อมจะปิดหน้าต่างไปได้ทันที แต่หากมี UX/UI ที่ดี ก็จะช่วยรั้งลูกค้าให้อยู่กับเรานานขึ้น สำรวจสินค้าและบริการได้อย่างราบรื่น ลดโอกาสการเสียลูกค้า
2. ลดความสับสน ประหยัดค่าใช้จ่าย
เว็บไซต์ที่ออกแบบ UX/UI Design มาอย่างดี เข้าใจง่าย ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยถามถึงวิธีการใช้งาน หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมให้เสียเวลาทั้งของลูกค้าเองและทีมงานของเรา ไปจนถึงลดการเสียเวลาปรับแก้เว็บไซต์ เป็นการลดภาระงานซ้ำซ้อนและต้นทุนไปในตัว
3. ช่วยเพิ่มยอดขาย
เมื่อผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะรู้สึกสบายใจและมั่นใจที่จะดำเนินการตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการกรอกฟอร์ม การลงทะเบียน หรือที่สำคัญที่สุดคือการซื้อสินค้า เพราะยิ่งใช้งานง่าย ยิ่งตัดสินใจเร็ว ช่วยให้ปิดยอดได้ง่ายขึ้น
4. ยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์
หน้าตาเว็บไซต์เป็นด่านแรกที่ผู้ใช้งานตัดสินความน่าเชื่อถือของแบรนด์ การออกแบบเว็บไซต์ที่ดูดีทันสมัย ใช้งานง่าย สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและยกระดับแบรนด์ของคุณให้เหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะธุรกิจที่ขายของราคาแพง หรือบริการที่ต้องใช้ความไว้วางใจ เช่น แพทย์ การเงิน หรือกฎหมาย เป็นต้น
5. ดีต่อ SEO
ปัจจุบัน Google ให้ความสำคัญกับ User Experience มาก หากเว็บไซต์ไหนมีผู้ใช้งานอยู่ดูนาน ๆ มี Bounce Rate ต่ำ และมีการคลิกในหน้าต่าง ๆ หรือ Engagement สูง ก็จะถูกจัดอันดับให้ดีขึ้นในผลการค้นหา นั่นหมายความว่า UX/UI ที่ดีมีส่วนช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ บน Google ได้เช่นกัน
อ่านบทความที่น่าสนใจ : SEO คืออะไร? เจาะลึกเทคนิคทำเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google แบบยั่งยืน
UX/UI ที่ดี เพิ่มยอดขายได้จริงไหม?
สำหรับใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ แต่ยังสงสัยอยู่ว่า เราสามารถเพิ่มยอดขายด้วย UX และ UI ได้จริงไหม คำตอบคือ ได้อย่างแน่นอน เพราะ UX/UI ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสวยงามหรือความน่าใช้ แต่คือตัวกำหนดว่า ลูกค้าจะไปต่อ หรือปิดหน้าเว็บแล้วจากไป
เมื่อประสบการณ์ใช้งานดี ทุกคลิกของผู้ใช้จะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่สะดุด ไม่สับสน และไม่เสียเวลา คนที่ตั้งใจมาซื้อสินค้า ก็มักจะตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องพยายามหาปุ่ม หรือเสียเวลางงกับฟอร์มที่ยุ่งเหยิง เพราะผู้ใช้งานรู้ว่าต้องทำอะไรต่อโดยที่ไม่ต้องคิดเยอะ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น
หลักการออกแบบ UX/UI ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง?
1. รู้จักผู้ใช้ให้ลึกซึ้ง
การออกแบบที่ดีต้องเริ่มจากการเข้าใจว่า ใครคือผู้ใช้งานสิ่งนี้ พวกเขามีปัญหาอะไร ต้องการอะไร และมีพฤติกรรมอย่างไรเวลาอยู่บนเว็บไซต์หรือแอปของเรา ซึ่งการจะรู้ลึกขนาดนี้ต้องอาศัยการเก็บข้อมูลจริง โดยอาจเริ่มจากการสัมภาษณ์ ทำแบบสอบถาม หรือใช้ Heatmap และ Session Recording เพื่อส่องพฤติกรรมผู้ใช้ ว่าควรออกแบบอย่างไรให้ตอบโจทย์ ไม่ใช่การเดาไปเอง หรือมีดีแค่สวยงามแต่ใช้งานไม่ได้จริง
2. เรียบง่าย แต่ชัดเจน
ไม่ใช่ทุกอย่างที่ดูอลังการจะดี บางครั้งเว็บที่ดูเรียบง่าย คลีน ๆ กลับทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายใจ เข้าใจง่าย แถมตัดสินใจได้เร็วกว่า โดยมีคำแนะนำคือ อย่าใส่อะไรให้ดูเยอะแยะจนรก ไม่ซับซ้อน เอาแค่สิ่งที่จำเป็นไว้ให้ชัดเจน เช่น ปุ่ม CTA (Call to Action) ที่เด่นชัด กดง่าย ไม่ต้องเดาว่าต้องกดตรงไหน
3. เป๊ะปังอย่างสม่ำเสมอ
ลองนึกภาพเว็บไซต์ที่แต่ละหน้าใช้ฟอนต์คนละแบบ สีไม่คุมโทน ปุ่มอยู่คนละที่ เชื่อว่าหลายคนเห็นแล้วคงอยากปิดหนีแน่ ๆ เพราะฉะนั้น ความสม่ำเสมอ (Consistency) จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นฟอนต์ สี ปุ่ม ไอคอน หรือโครงสร้างเมนู ทุกอย่างควรไปในทิศทางเดียวกันตลอดทั้งระบบ เพราะความสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนหน้า
4. ใช้งานได้เร็วและลื่นไหล
แม้เว็บไซต์จะสวยบาดใจแค่ไหน แต่ถ้าโหลดช้ายิ่ง กดแล้วค้าง หรือกดผิดเพราะดีไซน์ซับซ้อน ความสวยงามนั้นก็หมดความหมายไปทันที การทำ UX ที่ดีต้องใส่ใจกับความเร็วของเว็บไซต์ การตอบสนองที่ฉับไวต่อการทุกการคลิก ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ไม่สะดุด หรือหลุดกลางทาง
5. รองรับทุกหน้าจอ
ปัจจุบันนี้ใคร ๆ ก็ผู้ใช้ใช้มือถือเข้าเว็บไซต์ ดังนั้น การออกแบบ UX/UI ต้องคิดเผื่อทุกหน้าจอ ตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วไปจนถึงใหญ่เบิ้ม พร้อมปรับการแสดงผลให้เหมาะสมเสมอ ไม่ใช่แค่ย่อหน้าจอให้เล็กลงเฉย ๆ แต่ต้องออกแบบให้เหมาะกับมือถือมาตั้งแต่เริ่มแรก
6. นำทางง่าย ไม่หลงทาง
เว็บไซต์ควรทำให้ผู้ใช้ควรรู้ว่าต้องไปทางไหนต่อ ตั้งแต่เมนูหลัก ปุ่มย้อนกลับ เส้นทาง Breadcrumb หรือการจัดกลุ่มเนื้อหา ต้องชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่ปล่อยให้ผู้ใช้งานหลงทางจนหงุดหงิดแล้วกดปิดเว็บไซต์ของเราไปเสียก่อน
7. มีเหตุมีผล
การจัดวางองค์ประกอบบนหน้าเว็บควรมีลำดับที่สมเหตุสมผล เช่น ข้อมูลสำคัญที่สุดอย่างปุ่ม CTA ต้องอยู่บนสุดที่คนมองเห็นง่ายและคลิกได้สะดวก หรือเนื้อหาย่อยควรอยู่ภายใต้หัวข้อหลักอย่างมีโครงสร้าง การจัดวางอย่างมีเหตุผลเช่นนี้ไม่ได้ช่วยแค่ผู้ใช้เข้าใจเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ Google เองก็เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของเราได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
อ่านบทความที่น่าสนใจ : 9 เคล็ดลับ สร้างเว็บไซต์ให้โดดเด่นในสายตา Google
8. ทดสอบซ้ำและปรับอยู่เสมอ
การทดสอบกับผู้ใช้จริง การเก็บข้อมูลจากการใช้งานจริง และการปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่อง คือหัวใจสำคัญของการพัฒนา UX/UI ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะผู้ใช้เปลี่ยน พฤติกรรมเปลี่ยน เทคโนโลยีก็เปลี่ยนตาม เราต้องหมั่นอัปเดตและพัฒนาอยู่เสมอ
อยากออกแบบ UX/UI ให้เวิร์ก ต้องเริ่มยังไง?
หลังจากรู้แล้วว่า UX/UI สำคัญแค่ไหน และเข้าใจหลักการออกแบบ UX/UI กันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูกันว่า ถ้าอยากออกแบบให้มันออกมาปังจริง ๆ ต้องเริ่มต้นอย่างไรบ้าง Blupaper ได้สรุปมาให้แล้ว!
- ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้เป้าหมาย เพื่อให้ออกแบบได้ตรงจุด และตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าอยากได้จริง ๆ
- วางแผน Customer Journey ให้เรียบง่าย ลดความสับสนและเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะทำตามเป้าหมายที่เราวางไว้
- ใช้ข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ อย่าง Heatmap หรือ A/B Testing เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้และทดสอบดีไซน์
- ทำงานร่วมกับทีมที่เข้าใจ UX, UI, Marketing และ Branding ไปพร้อมกัน การสร้าง UX/UI ที่ยอดเยี่ยมต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของหลายฝ่าย เพื่อให้ทุกองค์ประกอบสอดคล้องกันและมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับผู้ใช้งาน