Web Hosting คืออะไร?

ลองนึกภาพว่าเว็บไซต์คือ “บ้าน” Hosting ก็คือ “ที่ดิน” ที่บ้านของคุณตั้งอยู่ จะมีบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่แค่ไหน ถ้าไม่มีที่ดินให้ตั้ง ก็ไม่มีใครเห็นบ้านนั้นอยู่ดี! เพราะงั้น ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ส่วนตัว เว็บขายของ หรือเว็บบริษัทใหญ่โต ก็ต้องมี Hosting ทั้งนั้น

มันคือที่เก็บข้อมูลทุกอย่างของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ข้อความ วิดีโอ และระบบหลังบ้านทั้งหมด แถมยังทำหน้าที่เปิดบ้าน (เว็บไซต์) ให้คนเข้ามาดูได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยนะ!

Web Hosting กับ Web Server ต่างกันยังไง?

  • Web Hosting คือบริการที่ให้พื้นที่จัดเก็บเว็บไซต์ของคุณบนอินเทอร์เน็ต
  • Web Server คือเครื่องคอมพิวเตอร์จริง ๆ ที่ทำหน้าที่ให้บริการ Hosting นั่นแหละ

พูดง่าย ๆ คือ Web Hosting = บริการ และ  Web Server = เครื่องที่ให้บริการ

Web Hosting มีกี่ประเภท และมีประเภทอะไรบ้าง?

Web Hosting มีหลายประเภทให้เราเลือกใช้งาน ขึ้นอยู่กับขนาดเว็บไซต์ ปริมาณผู้เข้าชม และความต้องการด้านเทคนิคของเรา มาดูกันเลยว่ามีประเภทไหนบ้าง

1. Shared Hosting (โฮสติงแบบแบ่งเช่า)

Shared Hosting เหมือนการเช่าห้องอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน โดยแชร์ทรัพยากรของ Server พวกพื้นที่เก็บข้อมูล แบนด์วิดท์ กำลังประมวลผลกับเว็บไซต์อื่น ๆ อีกมากมายที่อยู่บน Server เครื่องเดียวกัน เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดเล็ก บล็อกส่วนตัว หรือเว็บไซต์ที่เพิ่งเริ่มต้น และมีจำนวนผู้เข้าชมไม่มากนัก

  • ข้อดี: ราคาประหยัด จัดการง่ายเพราะมีผู้ให้บริการดูแลเรื่องเทคนิค ระบบเน็ตเวิร์กให้ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ข้อจำกัด: ทรัพยากรมีจำกัด อาจช้าลงถ้าเว็บไซต์อื่นใช้ทรัพยากรเยอะ จึงไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่มี Traffic จำนวนมาก ควบคุมการตั้งค่า Server ได้น้อย แถมยังมีโอกาสติดไวรัสจากเว็บไซต์ที่แชร์โฮสร่วมกันอีกด้วย

2. VPS Hosting ( โฮสติงแบบเซิร์ฟเวอร์เสมือน)

VPS Hosting ย่อมาจาก Virtual Private Server Hosting เปรียบเหมือนการเช่าทาวน์เฮาส์ เรายังคงอยู่บน Server เดียวกับคนอื่น แต่จะมีการแบ่งทรัพยากรออกมาให้เราใช้งานเป็นการส่วนตัว ทำให้เหมือนเรามี Server เป็นส่วนตัวของเราเอง ไม่ต้องแชร์ทรัพยากรกับใคร จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดกลางที่มีผู้เข้าชมมากขึ้น ต้องการความยืดหยุ่นและการควบคุมที่มากกว่า Shared Hosting

  • ข้อดี: มีทรัพยากรเป็นของตัวเองมากขึ้น ประสิทธิภาพดีกว่า Shared Hosting และควบคุมการตั้งค่า Server ได้มากกว่า
  • ข้อจำกัด: ราคาสูงกว่า Shared Hosting และอาจต้องมีความรู้ทางเทคนิคในการจัดการบ้าง

3. Dedicated Hosting (โฮสติงแบบเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว)

Dedicated Hosting เหมือนการมีบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเอง ต่างจากแบบอื่นที่เราจะเช่า Server ทั้งเครื่องมาใช้งานแต่เพียงผู้เดียว ทำให้มีทรัพยากรทั้งหมดและสามารถปรับแต่ง Server ได้อย่างอิสระ เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าชมสูงมาก ต้องการประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด หรือเว็บไซต์ที่มีข้อกำหนดพิเศษ

  • ข้อดี: ได้ใช้ทรัพยากรทั้งหมด ควบคุม Server ได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
  • ข้อเสีย: ราคาสูง และจำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคในการจัดการ Server เอง หรือจ้างผู้ดูแล รวมถึงอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการซื้ออุปกรณ์ปรับแต่ง Server เพิ่มเติมอีกด้วย

4. Cloud Hosting (โฮสติงแบบคลาวด์)

Cloud Hosting เปรียบเหมือนเรามีบ้านอยู่บนกลุ่มเมฆ เว็บไซต์ของเราจะถูกเก็บไว้บนเครือข่ายของ Server หลาย ๆ เครื่องที่ทำงานร่วมกัน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับขนาดทรัพยากรได้ตามต้องการ และมี Uptime ที่ดี เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีการเติบโตสูง มีจำนวนผู้เข้าชมไม่แน่นอน หรือต้องการความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือสูง

  • ข้อดี: ยืดหยุ่น สามารถปรับขนาดทรัพยากรได้ง่าย มีความน่าเชื่อถือสูง Uptime ดี จ่ายเท่าที่ใช้
  • ข้อเสีย: ราคาอาจผันผวนตามการใช้งาน และการควบคุม Server อาจจำกัดกว่า Dedicated Hosting

นอกจากประเภทหลัก ๆ เหล่านี้ ก็ยังมี Hosting ประเภทอื่น ๆ ที่อาจจะเจาะจงมากขึ้น เช่น Managed WordPress Hosting ที่ออกแบบมาสำหรับเว็บไซต์ WordPress โดยเฉพาะ และมีบริการจัดการ WordPress ให้ด้วย

การเลือกประเภท Web Hosting ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้เว็บไซต์ของเราทำงานได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และรองรับการเติบโตในอนาคตได้

web server คืออะไร

Web Server คืออะไร?

อย่างที่ได้พูดถึงกันไปก่อนหน้านี้แล้วว่า Hosting คือ เช่าพื้นที่บนคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ที่เรียกว่า Web Server โดย Web Server คือ คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงที่ถูกออกแบบมาเพื่อจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ และทำหน้าที่ส่งข้อมูลเหล่านั้นให้กับผู้ที่ต้องการเข้าชมเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น เจ้า Web Server ก็เปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่เก็บหนังสือ (ข้อมูลเว็บไซต์) ไว้มากมาย และมีบรรณารักษ์ (ซอฟต์แวร์) คอยหยิบหนังสือตามคำขอของผู้อ่าน (ผู้เข้าชมเว็บไซต์) นั่นเอง

Web Server ทำหน้าที่อะไร?

Web Server คือ หัวใจหลักของการให้บริการเว็บไซต์ เวลาพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์ ก็จะมีเจ้า Web Server คอยทำหน้าที่เหล่านี้

  • จัดเก็บข้อมูล: เก็บไฟล์ HTML, CSS, JavaScript, รูปภาพ, วิดีโอ และข้อมูลอื่น ๆ ที่ประกอบกันเป็นเว็บไซต์ของเรา
  • รับคำขอ: เมื่อมีคนพิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของเราเข้ามา เบราว์เซอร์ของเขาจะส่งคำขอไปยัง Web Server ของเรา
  • ประมวลผล: Web Server จะประมวลผลคำขอเหล่านั้น ค้นหาไฟล์ที่เกี่ยวข้องใน Hosting
  • ส่งข้อมูล: จากนั้น Web Server ก็จะส่งข้อมูลเว็บไซต์กลับไปยังเบราว์เซอร์ของผู้เข้าชม เพื่อแสดงผลให้เราเห็นนั่นเอง

นอกจากนี้ Web Server บางทียังมีหน้าที่อื่น ๆ อีก เช่น การจัดการฐานข้อมูล การรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ และการจัดการโดเมนเนมด้วย

วิธีเลือก hosting ให้เหมาะสม

เลือก Hosting ให้เหมาะกับเว็บไซต์แบบไม่ต้องเดา

การเลือก Hosting ที่ใช่ ก็เหมือนการเลือกบ้านที่เหมาะสมกับครอบครัวของเรา ถ้าเลือกผิด พื้นที่ก็อาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ตอบโจทย์ หรือราคาแพงเกินความจำเป็น ดังนั้น มาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เราควรพิจารณาในการเลือก Hosting ให้เหมาะกับเว็บไซต์ของเรา

1. ประเภทและขนาดเว็บไซต์

  • เว็บไซต์ส่วนตัว/บล็อกเล็ก: อาจเริ่มต้นด้วย Shared Hosting ที่มีราคาประหยัด
  • เว็บไซต์ธุรกิจขนาดกลาง/เว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากขึ้น: VPS Hosting จะให้ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นที่ดีกว่า
  • เว็บไซต์ขนาดใหญ่/อีคอมเมิร์ซ/เว็บไซต์ที่มี Traffic สูงมาก: การเลือก Dedicated Hosting หรือ Cloud Hosting จะตอบโจทย์เรื่องประสิทธิภาพและความเสถียรมากกว่า
  • เว็บไซต์ที่ใช้ WordPress เป็นหลัก: อาจลองดู Managed WordPress Hosting ที่มีฟีเจอร์และ Support สำหรับ WordPress โดยเฉพาะก็ได้เช่นกัน
  • ถ้ายังไม่ชัวร์ ให้คิดง่าย ๆ ว่า ยิ่งเว็บเราทำงานหนักมากเท่าไหร่ Hosting ก็ต้องถึกมากเท่านั้น!

2. ปริมาณ Traffic

  • ถ้าเพิ่งเริ่มต้นและคาดว่าจะมีผู้เข้าชมไม่มาก การเลือก Shared Hosting ก็น่าจะเพียงพอ
  • ถ้าคาดว่าจะมีผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีกิจกรรมทางการตลาดที่อาจทำให้ Traffic พุ่งสูงขึ้น ควรเลือก Hosting ที่สามารถรองรับปริมาณ Bandwidth และการรับส่งข้อมูลที่มากขึ้น เช่น VPS Hosting หรือ Cloud Hosting

3. ความต้องการด้านทรัพยากร

  • พื้นที่เก็บข้อมูล (Disk Space): ดูว่าเว็บไซต์ของเรามีไฟล์เยอะแค่ไหน ทั้งรูปภาพ วิดีโอ ฐานข้อมูลต่าง ๆ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตหรือไม่
  • แบนด์วิดท์ (Bandwidth): ปริมาณข้อมูลที่เว็บไซต์ของเราสามารถรับส่งได้ต่อเดือน ถ้ามีผู้เข้าชมเยอะ หรือมีไฟล์ขนาดใหญ่ ควรเลือก Bandwidth ให้มากพอที่จะรองรับได้ทั้งหมด
  • กำลังประมวลผล (CPU) และหน่วยความจำ (RAM): มีผลต่อความเร็วและความเสถียรของเว็บไซต์ ถ้าเว็บไซต์มีการทำงานที่ซับซ้อน หรือมีผู้เข้าชมพร้อมกันจำนวนมาก ควรเลือก Hosting ที่มีทรัพยากรให้เพียงพอ

4. ความรู้ความสามารถทางเทคนิค

  • ถ้าเราไม่ค่อยมีความรู้เรื่อง Server และการจัดการ Shared Hosting หรือ Managed Hosting จะสะดวกกว่า เพราะผู้ให้บริการจะดูแลเรื่องเทคนิคให้อย่างเสร็จสรรพ
  • ถ้าเรามีความรู้และต้องการควบคุม Server เองมากขึ้น VPS Hosting หรือ Dedicated Hosting จะให้อิสระในการปรับแต่งมากกว่า

5. งบประมาณ

  • อย่าเห็นแก่ราคาถูกเกินไป เพราะ Hosting ที่มีราคาถูก อาจจะมาพร้อมกับประสิทธิภาพและบริการที่ไม่ดี แต่ราคาแพงก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
  • พิจารณางบประมาณที่มี และเลือก Hosting ที่คุ้มค่ากับราคาตามประเภทและทรัพยากรที่เราเลือก 

6. ความน่าเชื่อถือและ Support ของผู้ให้บริการ

  • เลือกผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียง มีรีวิวที่ดี และมี Uptime สูง ใช้ SSD / NVMe และมี CDN หรือระบบ Cache
  • ตรวจสอบช่องทางการ Support และเวลาทำการ ว่าสามารถติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วเมื่อมีปัญหา
  • เช็กว่าผู้ให้บริการมีเครื่องมือและฟีเจอร์เสริมอะไรบ้าง เช่น ระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ ระบบรักษาความปลอดภัย แผงควบคุมที่ใช้งานง่าย เป็นต้น

7. ตำแหน่ง Server

  • เลือก Server ให้ถูกที่ ถ้ากลุ่มเป้าหมายหลักของเราอยู่ในประเทศไทย ควรเลือก Server ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย หรือภูมิภาคใกล้เคียง เพื่อให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้น

เลือก Hosting ที่ใช่ ให้เว็บไซต์ไม่มีสะดุด!

Hosting ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยังเป็นหัวใจสำคัญของการมีเว็บไซต์บนโลกออนไลน์เลยทีเดียว ถ้าเลือก Hosting ผิด อาจช้า ล่ม หรือโดนแฮกได้ง่าย ๆ ดังนั้น ก่อนจะควักกระเป๋าเลือก Hosting ควรรู้ก่อนว่าเว็บไซต์นี้มีหน้าที่อะไร เช็กงบว่ามีเท่าไหร่ เลือกเจ้าที่เชื่อถือได้ทั้งความเร็ว ความเสถียร และความปลอดภัย Support ไว ไม่หายไปในกลีบเมฆ และที่สำคัญ Hosting ที่ดี ไม่ใช่แค่เพื่อให้เว็บไซต์ของเราอยู่ได้ แต่ต้องโตไปด้วยกันได้กับเว็บไซต์ของเราด้วย

แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง? หรือเว็บไซต์โหลดช้า ไม่เสถียร ให้ Blupaper ช่วยดูสิ! เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อหา Hosting ที่ใช่ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ ให้เว็บไซต์ของคุณไหลลื่น ไม่มีสะดุด ปรึกษา Blupaper ฟรี!