ทำไมต้องทำการตลาดร้านอาหาร?

เปิดร้านอาหารให้อร่อยอย่างเดียวไม่พอ! ถ้าไม่มีการตลาด ร้านดีแค่ไหนก็อาจไม่มีใครรู้จัก หรือแย่กว่านั้น…ลูกค้าหลงไปเข้าร้านอื่นที่ทำการตลาดดีกว่า!

การตลาดร้านอาหาร คือการทำให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จัก ดึงดูดลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเก่าให้กลับมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • โปรโมทเมนูเด็ด ให้คนเห็นแล้วอยากลอง
  • สร้างบรรยากาศน่านั่ง ให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรก
  • เล่าเรื่องร้าน (Storytelling) ให้ร้านของคุณมีเอกลักษณ์และน่าจดจำ
  • ทำให้ร้านหาเจอง่ายขึ้น บน Google, Facebook, Instagram, และแพลตฟอร์มรีวิว

แล้วการตลาดช่วยร้านอาหารได้อย่างไร?

  • ช่วยให้ร้านโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ในย่านเดียวกัน อาจมีร้านอาหารประเภทเดียวกันเพียบ ถ้าเราไม่ทำให้คนรู้ว่าร้านเราพิเศษยังไง โอกาสที่ลูกค้าจะเลือกมากินก็ลดลง
  • ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ การตลาดที่ดีช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จักกว้างขึ้น ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยมากินให้มาลอง
  • ช่วยรักษาลูกค้าเก่า ไม่ได้มีแค่ลูกค้าใหม่ที่สำคัญ การตลาดยังช่วยให้ลูกค้าเดิมรู้สึกผูกพันกับร้าน อยากกลับมาอุดหนุนซ้ำ
  • ช่วยสร้างแบรนด์ ทำให้ลูกค้าจดจำร้านของคุณได้ ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ในทุกโอกาสที่เขาอยากหาร้านดี ๆ
  • ช่วยเพิ่มยอดขายและกำไร ลูกค้าเยอะขึ้น = ยอดขายโตขึ้น = ร้านของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคง!

ถ้าคุณอยากให้ร้านอาหารของคุณไปได้ไกล ไม่ใช่แค่เปิดแล้วรอลูกค้าเดินเข้ามาเอง การตลาดคือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จัก ขายดี และเติบโตไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด

6 กลยุทธ์การตลาดร้านอาหาร ให้ปังจนลูกค้าแน่นทุกวัน

ถ้าอยากให้ร้านอาหารของคุณโดดเด่นกว่าคู่แข่ง แค่ทำอาหารอร่อยยังไม่พอ! การตลาดที่ดีจะช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จัก ดึงดูดลูกค้าใหม่ และทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ มาดู 6 กลยุทธ์เด็ด ที่จะช่วยให้ร้านของคุณปังสุดในย่านนี้ พร้อมแล้วไปลุยกันเลย

1. วางช่องทางออนไลน์ให้ครบ จัดเต็มทุกแพลตฟอร์ม

ยุคนี้ลูกค้าอยู่บนโลกออนไลน์กันหมด ถ้าร้านอาหารของเราไม่มีตัวตนบนออนไลน์ บอกเลยว่าพลาด! เพราะลูกค้าจะหาไม่เจอ และคู่แข่งอาจคว้าโอกาสไปก่อน มาดูกันว่าต้องทำอะไรบ้างให้ร้านเราปังบนโลกดิจิทัล

1.1 Google My Business ป้ายร้านออนไลน์ที่ขาดไม่ได้

อยากให้ร้านอาหารของเราโผล่ขึ้นมาเวลาลูกค้าหาอาหารแถวนี้? Google My Business (GMB) คือคำตอบ

  • ทำให้ร้านเราปรากฏบน Google Search & Google Maps
  • ใส่ข้อมูลให้ครบ ชื่อร้าน ที่อยู่ เบอร์โทร เวลาเปิด-ปิด
  • อัปโหลดรูป เมนูอาหาร บรรยากาศร้าน รีวิวจากลูกค้า
  • ใช้ คีย์เวิร์ดที่ลูกค้าอาจพิมพ์หา เช่น “ร้านข้าวมันไก่ใกล้ฉัน”
  • ใช้ฟีเจอร์โพสต์ โปรโมชัน ข่าวสาร หรืออัปเดตเมนูใหม่

และอย่าลืม! รีวิวจากลูกค้าสำคัญมาก กระตุ้นให้ลูกค้าที่มาทานแล้วช่วยรีวิว เพราะรีวิวดี ๆ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ แถมยังดึงลูกค้าใหม่มาได้อีกเพียบ

1.2 เว็บไซต์ + SEO ศูนย์รวมข้อมูลร้านที่มืออาชีพต้องมี

การมีเว็บไซต์คือการสร้างตัวตนออนไลน์ที่เป็นของเราเอง ไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มอื่น 100%

  • SEO (Search Engine Optimization) ช่วยให้ร้านเราติดหน้าแรก Google
  • ออกแบบเว็บไซต์ให้ สวย โหลดเร็ว ใช้งานง่ายทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์
  • ใส่ คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง ในหน้าเว็บ เช่น “ร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ กรุงเทพ”
  • ทำบล็อกหรือคอนเทนต์น่าสนใจ เช่น รีวิวเมนูเด็ดของร้าน เคล็ดลับการทำอาหารที่บ้าน เรื่องราวความพิเศษของร้านเรา

ยิ่งทำคอนเทนต์ดี ๆ ก็ยิ่งมีโอกาสให้คนค้นเจอร้านเรามากขึ้น

1.3 Food Delivery ขยายลูกค้าด้วยเดลิเวอรี่

คนสมัยนี้ชอบความสะดวก ถ้าร้านเรายังไม่มี Food Delivery ถือว่าตกขบวน!

  • เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับร้าน เช่น GrabFood, LINE MAN, foodpanda
  • ทำให้หน้าร้านในแอปดูดี รูปสวย ข้อมูลครบ เมนูอ่านง่าย
  • ใช้โปรโมชันของแพลตฟอร์ม ดึงดูดลูกค้า เช่น “ส่งฟรี!” หรือ “ซื้อ 1 แถม 1”
  • อัปเดตเมนูและราคาสม่ำเสมอ อย่าให้ลูกค้ากดสั่งแล้วเจอ “เมนูนี้หมด”

Food Delivery ช่วยเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องเปิดสาขาใหม่ แถมยังทำให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นด้วย

ร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ ต้องอยู่ครบทุกช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่ Google My Business, เว็บไซต์ + SEO และ Food Delivery วางแผนดี ๆ ทำให้ครบ โอกาสเติบโตพุ่งแน่นอน!

2. สร้างความสัมพันธ์และรับฟังเสียงของลูกค้า มัดใจให้กลับมาซ้ำ

ลูกค้าจะกลับมาทานร้านเราอีกไหม? “ความอร่อย” อาจเป็นเหตุผลแรก แต่ “ความใส่ใจ” คือเหตุผลที่ทำให้พวกเขากลับมาซ้ำ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา จะช่วยเพิ่ม Loyalty ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.1 มัดใจลูกค้าผ่านโซเชียล

ทุกวันนี้ โซเชียลมีเดียคือพื้นที่สำคัญ ในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า แค่โพสต์เมนูอาหารยังไม่พอ ต้องทำให้สนุกและดึงดูด!

  • ทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ เช่น รูปภาพอาหารสวย ๆ ชวนหิว คลิปวิดีโอสั้น ๆ วิธีทำเมนูเด็ด หรือเบื้องหลังร้าน และโปรโมชันพิเศษ & กิจกรรมแจกของรางวัล
  • ติด Hashtag ให้คนหาเจอง่ายขึ้น เช่น #ชื่อร้าน #ชื่อเมนูยอดฮิต #อร่อยบอกต่อ #ร้านอาหาร[ชื่อย่าน]
  • ยิง Ads ไปหากลุ่มเป้าหมาย เช่น คนในพื้นที่ใกล้เคียง หรือคนที่สนใจประเภทอาหารของร้านเรา

2.2 จัดการรีวิวและฟีดแบ็ก ตอบทุกเสียงด้วยใจ

ก่อนลูกค้าจะตัดสินใจมากินร้านไหน รีวิวคือสิ่งที่พวกเขาดูเป็นอันดับแรก! ถ้าร้านเรามีรีวิวดี ๆ ก็เหมือนได้ โฆษณาฟรี ไปในตัว

  • ติดตามรีวิวร้านเป็นประจำ Google My Business Facebook, Instagram, TikTok หรือเว็บไซต์รีวิวร้านอาหาร เช่น Wongnai หรือ Pantip
  • ตอบรีวิวให้ลูกค้าประทับใจ
    • รีวิวดีตอบขอบคุณแบบจริงใจ เช่น ขอบคุณมากเลยนะคะ/ครับ ไว้แวะมาทานอีกนะ
    •  รีวิวติตอบด้วยความสุภาพ เช่น “ขอบคุณสำหรับฟีดแบ็กค่ะ/ครับ ทางร้านจะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้นนะคะ/ครับ (อย่าเงียบหรือเถียงกับลูกค้าเด็ดขาด!)
  • นำฟีดแบ็กไปพัฒนาร้าน ถ้าลูกค้าตำหนิเรื่องรสชาติ บริการ หรือราคา อย่ามองข้าม นี่คือโอกาสในการปรับปรุงให้ร้านดีขึ้น

อยากให้ลูกค้ากลับมาซ้ำ อย่าขายแค่อาหาร แต่อย่าลืมขาย “ความใส่ใจ” เพราะสุดท้ายแล้ว ความรู้สึกดี ๆ จะทำให้พวกเขาอยากกลับมาหาเราอีกแน่นอน

3. ทำให้ร้านเติบโตได้ต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่ได้ผลจริง

อยากให้ร้านอาหารโตไว ไม่ใช่แค่ขายดีวันสองวัน แต่ต้องมีลูกค้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ลองใช้ 2 กลยุทธ์นี้ รับรองเห็นผล

3.1 ยิงโฆษณาให้ตรงกลุ่ม คนที่ใช่เห็นร้านเราแน่นอน

การยิง Ads คือทางลัดพาร้านเราไปอยู่ตรงหน้าคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้า

  • Google Ads ให้ร้านเราโผล่ขึ้นเวลาคนค้นหา เช่น “ร้านชาบูใกล้ฉัน”
  • Social Media Ads เจาะกลุ่มเป้าหมายแบบละเอียด เลือกอายุ ความสนใจ และพฤติกรรม เช่น “คนที่ชอบกินอาหารญี่ปุ่นและอยู่ในกรุงเทพฯ”

เคล็ดลับยิง Ads ให้ได้ผล

  • ใช้รูปภาพหรือวิดีโอ น่าดึงดูด คนเห็นแล้วหิวเลย
  • เขียนข้อความโฆษณาให้น่าสนใจ เช่น “ชาบูเนื้อพรีเมียม ลด 50% วันนี้เท่านั้น!”
  • ตั้งงบประมาณให้เหมาะสม และคอยดูผลลัพธ์ ปรับแต่งให้ได้ผลดีที่สุด

3.2 Influencer Marketing & Collaboration ใช้พลังรีวิวให้ร้านดัง

บางทีการให้คนอื่นพูดถึงร้านเราก็มีพลังมากกว่าพูดเอง

  • Influencer สายกิน & Blogger รีวิวอาหาร ลองหาคนที่มีสไตล์ตรงกับร้านเรา แล้วให้เค้ามารีวิวอาหาร แชร์ประสบการณ์ หรือทำคลิปโปรโมท
  • จับมือกับธุรกิจใกล้เคียง เช่น โรงแรม ร้านกาแฟ บริษัททัวร์ ทำโปรโมชันร่วมกัน เช่น “พักที่นี่ แถมส่วนลด 10% สำหรับร้านเรา”

ทำไมกลยุทธ์นี้ถึงเวิร์ก?

  • ลูกค้าเชื่อรีวิวมากกว่าคำโฆษณา
  • ขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นแบบไม่ต้องเหนื่อยเองทั้งหมด

สรุปง่าย ๆ ยิง Ads ให้ตรงกลุ่ม + ใช้พลังรีวิวจาก Influencer + จับมือกับธุรกิจใกล้เคียง = ร้านอาหารเติบโตไวแบบก้าวกระโดด!

food influencer โปรโมทร้านอาหาร

4. ทำให้ลูกค้ากลับมาซ้ำ สร้าง Brand Loyalty ให้แน่น

อยากให้ร้านมีลูกค้าประจำ ไม่ใช่แค่คนแวะมากินครั้งเดียวแล้วหาย? ต้องรู้จักดูแลลูกค้าเดิมให้ดี เพราะพวกเขาไม่เพียงแต่กลับมาซื้อซ้ำ แต่ยังช่วยบอกต่อให้ร้านเราดังขึ้นไปอีก

4.1 Email Marketing ส่งข่าวสารให้ลูกค้าคิดถึงเราเสมอ

ลูกค้าอาจลืมร้านเราไปเมื่อเวลาผ่านไป แต่ Email Marketing จะช่วยให้พวกเขาคิดถึงร้านเราอยู่เสมอ การส่งอีเมลไม่ได้เชย ถ้าทำถูกวิธี

  • เก็บฐานข้อมูลลูกค้า  ให้ลูกค้าลงทะเบียนง่าย ๆ ตอนมาทานที่ร้าน หรือผ่านเว็บไซต์
  • ส่งอีเมลที่มีประโยชน์ เช่น แจ้งโปรโมชันพิเศษเฉพาะลูกค้าเก่า อัปเดตเมนูใหม่ให้ลูกค้าอยากกลับมาลอง หรือเชิญเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษของร้าน เช่น เวิร์กช็อปทำอาหาร

เคล็ดลับ: เขียนอีเมลให้เป็นกันเอง และใช้หัวข้อที่ดึงดูด เช่น เมนูใหม่สุดพิเศษ! ให้คุณลองก่อนใคร

4.2 Loyalty Program ยิ่งกิน ยิ่งคุ้ม ยิ่งอยากกลับมา

อยากให้ลูกค้ากลับมาทานซ้ำ ต้องมีแรงจูงใจ และ Loyalty Program ก็เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด

  • บัตรสะสมแต้ม ทุกการซื้อมีรางวัล เช่น สะสม 10 แต้ม รับฟรี 1 เมนู
  • สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก VIP ให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ เช่น ส่วนลดวันเกิด เมนูพิเศษเฉพาะสมาชิก หรือโปรโมชันลับที่มีเฉพาะลูกค้า VIP เท่านั้น

ทำไม Loyalty Program ถึงเวิร์ก?

  • ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า ยิ่งสะสมแต้ม ยิ่งอยากกลับมาใช้บริการ
  • สร้างความผูกพันกับร้าน ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์

ถ้าอยากให้ลูกค้ากลับมาซ้ำ ต้องดูแลพวกเขาให้พิเศษกว่าที่อื่น ไม่ว่าจะเป็น ส่งข่าวสารที่มีประโยชน์ผ่าน Email Marketing หรือ ให้รางวัลผ่าน Loyalty Program เมื่อทำได้อย่างต่อเนื่อง ร้านของคุณจะมีฐานลูกค้าประจำที่เหนียวแน่นไปอีกนาน

5. จัดโปรโมชันให้โดนใจ ดึงลูกค้า เพิ่มยอดขาย

การจัดโปรโมชันไม่ใช่แค่ลดราคาแล้วจบ แต่ต้องคิดให้รอบคอบ ให้โดนใจลูกค้า และสร้างกำไรให้ร้าน ถ้าทำดี ๆ โปรโมชันสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ กระตุ้นยอดขาย และทำให้ร้านของเราเป็นที่พูดถึงมากขึ้น ลองมาดูกลยุทธ์ที่ช่วยให้โปรโมชันของร้านปังแบบมืออาชีพกัน!

5.1 วางแผนโปรโมชันให้ตรงเป้าหมาย ทำให้โปรฯ ไม่ใช่แค่ลดราคาแต่เพิ่มกำไร

ก่อนจัดโปรโมชัน ต้องถามตัวเองก่อนว่า เป้าหมายของเราคืออะไร?

  • อยากเพิ่มยอดขายช่วงที่ลูกค้าน้อย? จัด “ซื้อ 1 แถม 1” ช่วงบ่าย (14.00 – 17.00 น.)
  • อยากให้เมนูใหม่เป็นที่รู้จัก? จัด “ลด 10% สำหรับเมนูใหม่” ในสัปดาห์แรก
  • อยากเพิ่มลูกค้าในเทศกาลพิเศษ? จัด “มาเป็นคู่ รับเครื่องดื่มฟรี 2 แก้ว” ในวันวาเลนไทน์

เคล็ดลับ: เลือกโปรโมชันที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องรีบมาลอง และตั้งระยะเวลาให้ชัดเจน เช่น โปรฯ มีแค่ 7 วันเท่านั้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ

5.2 สร้างโปรโมชันให้หลากหลาย ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าและอยากกลับมาอีก

ไม่ใช่แค่ลดราคา ลองเพิ่มไอเดียโปรโมชันที่ลูกค้าอยากใช้จริง

  • Birthday Special ลูกค้าที่เกิดเดือนนี้ รับเมนูฟรีเมื่อสั่งครบ 1,000 บาท
  • Welcome Discoun ลด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ที่สั่งครั้งแรก
  • Eat Together, Save Together  มา 4 จ่าย 3 คุ้มสุดสำหรับแก๊งเพื่อน
  • แจกอั่งเปาตรุษจีน มาทานที่ร้านสุ่มรับส่วนลด 5-20%

เคล็ดลับ: ใช้คำโปรโมตที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น โปรลับเฉพาะลูกค้าประจำ หรือแค่เดือนนี้เท่านั้น หรือทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ เช่น สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิก VIP

5.3 กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัด เพราะโปรที่ใช่ ต้องตรงใจลูกค้า

แต่ละกลุ่มลูกค้าต้องการอะไรที่แตกต่างกัน ลองออกแบบโปรฯ ให้ตรงกลุ่ม

  • พนักงานออฟฟิศ ส่วนลดมื้อกลางวัน 11.00 – 14.00 น.
  • นักเรียน/นักศึกษา โปร 1 แถม 1 เฉพาะนักศึกษา (แสดงบัตรนักเรียน)
  • ครอบครัว เด็กทานฟรี เมื่อผู้ปกครองสั่งเมนูหลัก
  • สาย Healthy ซื้อเมนูเฮลตี้ครบ 500 บาท รับเครื่องดื่มเฮลตี้ฟรี
  • สายคาเฟ่ เช็กอิน + ถ่ายรูปติด #Hashtag ลดไปเลย 5%

เคล็ดลับ: ศึกษาพฤติกรรมลูกค้าร้านเราว่ากลุ่มไหนเยอะสุด แล้วออกโปรให้เหมาะกับพวกเขา และทำให้โปรโมชันรู้สึกเฉพาะตัว เช่น ดีลนี้สำหรับคุณเท่านั้น!

5.4 โปรโมทโปรโมชันให้ทั่วถึง มีโปรดีแค่ไหน ถ้าคนไม่รู้ก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อจัดโปรโมชันแล้ว ต้องทำให้ลูกค้ารู้!

  • โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย Facebook, Instagram, LINE OA
  • ติดป้ายโปรฯ ในร้าน ให้ลูกค้าที่มาทานเห็นและบอกต่อ
  • ส่งอีเมล หรือ SMS แจ้งข่าวสารโปรโมชันให้ลูกค้าเก่า
  • ยิงโฆษณาออนไลน์ ให้โปรฯ ไปถึงลูกค้าที่ใช่ ผ่าน Facebook Ads, Google Ads

เคล็ดลับ: ใช้รูปโปรโมชันที่น่าสนใจ เช่น อาหารน่ากินพร้อมข้อความ “ลด 50% วันนี้เท่านั้น!” เขียนแคปชันที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “พลาดรอบนี้ ต้องรอปีหน้า!”

5.5 ติดตามผลและปรับปรุง ช่วยวัดผลให้รู้ว่าโปรไหนเวิร์ก

โปรฯ ไหนทำให้ยอดขายพุ่ง? โปรฯ ไหนต้องปรับ? ต้องวัดผลให้เป็น!

  • เช็กยอดขายก่อน-หลังโปรโมชัน ดูว่ายอดเพิ่มขึ้นแค่ไหน
  • วัด ROI (Return on Investment) ต้นทุน vs กำไร โปรฯ นี้คุ้มไหม?
  • สอบถามลูกค้าโดยตรง ถามลูกค้าว่าชอบโปรฯ ไหน อยากให้มีอะไรเพิ่ม

เคล็ดลับ: ถ้าโปรฯ ได้ผลดี ลองขยายเวลาหรือทำซ้ำ ถ้าโปรฯ ไม่ได้ผล ปรับเงื่อนไขให้น่าสนใจขึ้น เช่น ลดราคามากขึ้น หรือเปลี่ยนเวลาโปรฯ

สรุปง่าย ๆ จัดโปรโมชันให้ตรงเป้าหมาย + โปรโมทให้ถึงลูกค้า + ติดตามผลลัพธ์ แค่นี้ร้านของคุณก็สามารถใช้โปรโมชันเป็นเครื่องมือเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. สร้าง Community ให้ร้าน ปังแบบไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณา

อยากให้ลูกค้ารักและผูกพันกับร้านเราแบบสุด ๆ จนช่วยโปรโมทให้เอง? ต้องสร้าง Community

Community Marketing คือการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า ร้านเราไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่เป็นที่ที่เขาอยากกลับมาอยู่เสมอ ลูกค้าที่มีความผูกพันกับร้านจะช่วยบอกต่อแบบปากต่อปาก ซึ่งเป็นการตลาดที่ทรงพลังและยั่งยืนสุด ๆ

6.1 สร้างกลุ่มบนโซเชียลมีเดีย ให้ลูกค้าได้คุยกันเอง

อยากให้ลูกค้าติดตามร้านเราแบบเหนียวแน่น ต้องมีพื้นที่ให้พวกเขาพูดคุย

  • เปิด Facebook Group หรือ LINE OpenChat สำหรับลูกค้าร้านเรา
  • ให้ลูกค้าพูดคุย แลกเปลี่ยนไอเดีย หรือแชร์รีวิวกันเอง
  • อัปเดตข่าวสาร โปรโมชัน หรือเมนูใหม่ให้เฉพาะสมาชิก

ทำไมต้องสร้างกลุ่ม?

  • ลูกค้ารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของร้าน เกิดความผูกพัน
  • ได้รีวิวและคอนเทนต์จากลูกค้า แบบไม่ต้องจ่ายเงิน

6.2 จัดกิจกรรมพิเศษ ให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษกว่าที่อื่น

แค่ขายอาหารอาจไม่พอ ต้องมีกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ด้วย

  • Workshop ทำอาหาร ให้ลูกค้าได้ลงมือทำเมนูพิเศษจากร้านเรา
  • ชิมเมนูใหม่ก่อนใคร ให้ลูกค้าประจำได้ลองก่อนเปิดขายจริง
  • กิจกรรม Exclusive จัดปาร์ตี้เล็ก ๆ หรือคลาสพิเศษให้เฉพาะลูกค้า VIP

ทำไมกิจกรรมถึงเวิร์ก?

  • ลูกค้ารู้สึกเป็น คนพิเศษ
  • เพิ่มโอกาสให้ลูกค้า ถ่ายรูป & แชร์ลงโซเชียล (โปรโมทร้านเราไปอีก!)

6.3 มีส่วนร่วมกับลูกค้า ให้พวกเขารู้ว่าร้านเราใส่ใจจริง

ลูกค้าชอบร้านที่คุยกับเขา ไม่ใช่แค่ขายแล้วจบ!

  • ตอบคอมเมนต์ & ข้อความ อย่างจริงใจและรวดเร็ว
  • ตั้งโพสต์ให้ลูกค้าร่วมสนุก เช่น “ถ่ายรูปกับเมนูโปรดแล้วติดแฮชแท็ก”
  • ให้ลูกค้าโหวตเมนูใหม่ หรือเสนอไอเดียให้ร้าน

ทำไมต้องมีส่วนร่วม?

  • ลูกค้าจะรู้สึกว่า ร้านเราสนใจความคิดเห็นของเขา
  • สร้างบรรยากาศที่ดีใน Community

6.4 สร้างคอนเทนต์ที่ให้คุณค่า ให้ลูกค้าติดตามเราตลอด!

ไม่ใช่แค่โพสต์ขายของอย่างเดียว ต้องมีคอนเทนต์ที่ลูกค้าอยากแชร์

  • เคล็ดลับการเลือกวัตถุดิบสดใหม่
  • ไอเดียจัดจานให้ดูน่ากิน
  • เรื่องราวเบื้องหลังร้านที่ลูกค้าอาจไม่เคยรู้

ทำไมต้องทำคอนเทนต์?

  • คนชอบคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ และมักแชร์ต่อ
  • ทำให้ร้านดู เป็นมืออาชีพและมีความน่าเชื่อถือ

6.5 ให้รางวัลลูกค้าใน Community กระตุ้นให้ติดตามร้านเรา

คนเราชอบของฟรี! ให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อขอบคุณลูกค้า

  • ส่วนลดพิเศษเฉพาะสมาชิกกลุ่ม
  • ของแถมเล็ก ๆ สำหรับลูกค้าประจำ
  • โปรโมชั่นลับที่มีเฉพาะใน Community

ทำไมต้องแจกของรางวัล?

  • ลูกค้ารู้สึกว่าการติดตามร้านเรามีประโยชน์
  • กระตุ้นให้ลูกค้า เข้ามาเช็กข่าวสารบ่อยขึ้น

สรุปง่าย ๆ เลยก็คือ สร้างกลุ่มให้ลูกค้าพูดคุย จัดกิจกรรมพิเศษ มีส่วนร่วมกับลูกค้า ทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ และให้รางวัลกับลูกค้าประจำ ถ้าทำครบ ร้านคุณจะมีลูกค้าประจำที่รักและช่วยโปรโมทร้านให้แบบฟรี ๆ แน่นอน!

โปรโมทร้านอาหาร

ปั้นร้านอาหารให้ดังเปรี้ยงไปกับ Blupaper

ทำการตลาดร้านอาหารให้ปัง ไม่ใช่แค่มีเมนูอร่อย แต่ต้องรู้จักโปรโมทร้านให้ถูกที่ ถูกเวลา และเข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเหมือนการปรุงอาหารที่ต้องใช้ส่วนผสมที่ลงตัว เมื่อเลือกใช้กลยุทธ์ที่ใช่ ร้านของคุณก็จะเป็นที่รู้จัก ดึงดูดลูกค้าใหม่ เพิ่มยอดขาย และแซงหน้าคู่แข่งได้ไม่ยาก

หากคุณกำลังมองหาผู้ช่วยทำการตลาดร้านอาหารอย่างครบวงจร Blupaper พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณด้วยทีมงานมืออาชีพ ติดต่อ Blupaper เลยวันนี้ ให้ร้านอาหารของคุณปังก่อนใคร