Hotjar คืออะไร?

Hotjar คือ เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนเว็บไซต์ที่เกิดมาเพื่อ CRO โดยเฉพาะซึ่งการทำ CRO คือ การปรับเว็บไซต์ให้คนทำสิ่งที่เราต้องการมากขึ้นแบบมีหลักฐาน เช่น ซื้อของ กรอกฟอร์ม สมัครสมาชิก เมื่อเราเห็นพฤติกรรมจริงบนหน้าเว็บของผู้ใช้แล้ว ก็สามารถเอามาปรับเลย์เอาต์ คอนเทนต์ ปุ่ม และฟอร์มให้ลื่นขึ้น โดยมีเป้าหมายคือเพิ่ม Conversion โดยไม่ต้องทุ่มงบหาทราฟฟิกเพิ่ม ด้วยหลักการทำงาน ดังนี้

  • เก็บข้อมูลพฤติกรรม เช่น Heatmap, Session Recording และ Funnel เพื่อรู้ว่าคนติดตรงไหน
  • วางสมมติฐานและทดสอบ เช่น A/B Testing เปรียบเทียบเวอร์ชันปุ่ม CTA ข้อความ หรือลำดับคอนเทนต์
  • วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

สรุปง่าย ๆ ว่า CRO ก็คือ การดูการกระทำจริงของผู้ใช้ผ่าน Heatmap และการบันทึกวิดีโอการใช้งานแบบ Session Recording แล้วไล่แก้จุดที่ผู้ใช้ติดขัดบนหน้าเว็บทีละส่วน ให้ Conversion พุ่งแบบมีหลักฐาน ไม่ต้องเดาอารมณ์ลูกค้าอีกต่อไป

hotjar มีประโยชน์อะไรบ้าง

ทำไมต้องใช้ Hotjar?

  • อ่านพฤติกรรมลูกค้าแบบไม่ต้องเดา จากหลักฐาน Heatmap และ Session Recording
  • จับ Insight เชิงคุณภาพ จาก Survey และ Feedback widget บนหน้าเว็บ ช่วยเก็บเสียงของผู้ใช้ว่าอะไรเวิร์กหรืออะไรขัดใจบ้าง เอาไปต่อยอดไอเดียทดสอบได้ไว
  • ปรับUX/UI ให้ลื่นขึ้น แก้ปัญหาจุดที่สับสน จุด Bounce Rate สูง หรือองค์ประกอบที่ดึงสายตาผิดที่ได้อย่างตรงจุด
  • ดัน Conversion ให้โต ระบุตำแหน่งที่ผู้ใช้หลุดใน Conversion Funnel และเช็กว่า CTA มองไม่เห็น หรือตำแหน่งไม่เวิร์ก เพื่อย้าย ปรับ ขยายให้คลิกง่ายขึ้น
  • เริ่มใช้ได้ไว แค่ติดตั้งสคริปต์ JavaScript ครั้งเดียว ก็อ่านผลจากแดชบอร์ดที่เข้าใจง่าย เห็น Heatmap และ Recording ได้ทันที
  • ลดการลองผิดลองถูก คัดเฉพาะจุดที่มีผลกับ Conversion สูงสุดจากหลักฐานจริง ประหยัดงบและเวลาในการทดสอบหลายเวอร์ชัน
  • ทำงานเป็นทีมได้ง่าย ส่งวิดีโอการใช้งานจริงหรือภาพ Heatmap ให้ทีมดีไซน์ นักพัฒนา และมาร์เก็ตติ้งเห็นภาพเดียวกัน ช่วยให้ตัดสินใจร่วมกันได้ไวขึ้น
ฟีเจอร์สำคัญของ hotjar คือ heatmap แสดงข้อมูลการใช้งานด้วยสี

Hotjar มีฟีเจอร์อะไรบ้าง?

มาดูกันว่าเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าอย่าง Hotjar มีฟีเจอร์หลักอะไรที่น่าใช้บ้าง

1. Heatmaps

ตัวอย่าง Heatmaps

Heatmaps คือ แผนที่ความร้อนที่แปลงพฤติกรรมบนหน้าเว็บให้เป็นสี โดยใช้สีที่แตกต่างกันในการแสดงผล เพื่อให้เรารู้ถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งแบ่งให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ว่า สีแดง ส้ม คือโซนฮอต สีเขียวฟ้าคือโซนเงียบ Heatmaps มีการแสดงผล 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

  • Click map แสดงจุดที่ถูกคลิก
  • Move map แสดงการเคลื่อนไหวของเมาส์
  • Scroll map แสดงระยะการเลื่อนจอ

2. Session Recordings

ตัวอย่าง Session Recordings

Session Recordings หรือ วิดีโอดูการใช้งานจริง ให้เราเห็นทุกคลิก ทุกการเลื่อน และช่วงที่คนติด ฟอร์มไหนงง ปุ่มไหนกดไม่ไป หรือมี Dead clicks ตรงไหน โดยระบบจะทำการปกปิดข้อมูลส่วนตัวอัตโนมัติ ช่วยให้เราจับจุดที่มีปัญหาได้แบบไม่ต้องเดา แถมยังไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอีกด้วย

3. Incoming Feedback

Incoming Feedback เป็นวิดเจ็ตเล็ก ๆ บนหน้าไซต์ที่มีไว้ให้ผู้ใช้บอกได้ลงคะแนนความพึงพอใจได้ทันทีพร้อมเขียนเหตุผลสั้น ๆ ได้ว่า ชอบหรือไม่ชอบอะไรบนเว็บไซต์ของเราบ้าง ช่วยเรารู้แบบเรียลไทม์ว่าองค์ประกอบไหนเวิร์กและอะไรควรปรับ ส่งงานให้ทีมดีไซน์กับ Dev ได้ทันใจ

4. Surveys

ตัวอย่าง Surveys

ฟีเจอร์แบบสอบถาม ที่ให้เราตั้งคำถามได้เอง 2 – 3 ข้อ ในการวัดความพึงพอใจ หรือยิง NPS หลังเกิด Conversion ใช้ในการจับความรู้สึกและความต้องการจริงของผู้ใช้ เพื่อปรับสินค้า บริการ และข้อความบนหน้าให้ตรงใจมากขึ้น

5. Funnel Analysis

ตัวอย่าง Funnel Analysis

Funnel Analysis เป็นการวิเคราะห์เส้นทางของลูกค้า ตั้งแต่เข้าหน้าแรกจนถึงทำเป้าหมาย ช่วยให้เห็นชัดว่าคนหลุดตรงขั้นตอนไหนหนักสุด ทำให้เรารู้ว่าจะต้องย่อฟอร์ม เปลี่ยนคำบนปุ่ม หรือย้ายองค์ประกอบตรงไหนก่อนหลัง เพื่อลดการสูญเสียและดัน Conversion ให้ขึ้นแบบมีหลักฐานหนุน

Hotjar เหมาะกับเว็บไซต์แบบไหน

หากคุณกำลังสงสัยว่าเว็บไซต์ของตัวเองควรใช้ Hotjar หรือไม่ คำตอบง่าย ๆ คือ เหมาะกับทุกเว็บที่ต้องการเข้าใจผู้ใช้จริง เข้าใจว่าคนเลื่อน อ่าน คลิก หรือหยุดตรงไหน เพื่อปรับ UX เพิ่ม Conversion และแก้จุดหลุดของลูกค้าได้แบบตรงจุดที่สุด ต่อไปนี้คือประเภทเว็บไซต์ที่ใช้แล้วเห็นผลชัดเจนที่สุด

  • เว็บไซต์ E-Commerceเช่น วิเคราะห์เส้นทางซื้อตั้งแต่หน้าสินค้า ตะกร้า จนถึงชำระเงิน หาจุดที่ลูกค้าเช็กเอาต์ และปรับด้วยการย้ายปุ่ม ตัดขั้นตอน และแก้ฟอร์มให้สั้นพอดี
  • เว็บไซต์ที่ทำ SEOเช่น ดูทราฟฟิกจาก Organic Search ว่ามีปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์ยังไง เลื่อนไกลแค่ไหน คลิกอะไร แล้วปรับลำดับหัวข้อ ใส่ CTA ให้ตรงเจตนา คอนเทนต์
  • เว็บไซต์ที่รันGoogle Adsเช่น เช็กพฤติกรรมทราฟฟิกจากโฆษณาจริงบนหน้า Landing Page ว่าอ่านถึงไหน คลิกตรงไหน แล้วปรับคัดลอก ตำแหน่งปุ่ม และองค์ประกอบ
  • เว็บไซต์คอนเทนต์/มีเดียเช่น หาว่าบทไหนคนอิน จุดไหนคนหยุดอ่าน แทรกสมัครอีเมลหรือบทความแนะนำให้ถูกจังหวะ
  • SaaS และแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ดูการใช้ฟีเจอร์จริง จับช่วงที่ผู้ใช้สับสน แล้วออกแบบหรือปรับ UX ให้เข้าใจง่ายก่อนสเกล
  • เว็บที่เพิ่งรีดีไซน์หรืออัปเดตใหญ่ เช่น เทียบพฤติกรรมก่อน – หลังรีดีไซน์ด้วย Heatmap และ Recording ว่าของใหม่ช่วยให้ไหลลื่นขึ้นจริงไหม

แต่เว็บไซต์ที่อาจยังไม่คุ้มเท่าไหร่ อาจมีดังนี้

  • ทราฟฟิกน้อยมากจนสถิติไม่พอ ควรปั้นฐานคนเข้าก่อน
  • หน้าเว็บข้อมูลคงที่ ไม่มีเป้าหมายให้ทำ อาจได้ประโยชน์ไม่มากเท่าที่ควร

อ่านบทความที่น่าสนใจ: 9 เคล็ดลับ สร้างเว็บไซต์ให้โดดเด่นในสายตา Google

เข้าใจลูกค้าด้วยการจับตาดูพฤติกรรม

Hotjar คือ เครื่องมือ CRO ที่ครบเครื่อง ช่วยให้เราเห็นพฤติกรรมผู้ใช้งานเว็บไซต์จริงผ่าน Heatmap, Session Recordings, Surveys และ Feedback ชี้จุดให้ไล่แก้คอขวดได้อย่างแม่นยำ แบบไม่ต้องนั่งเดาอีกต่อไป หากสนใจ Hotjar ก็มีเวอร์ชันทดลองฟรีให้เริ่มใช้ได้ทันที

หากคุณกำลังมองหาทางต่อยอดจากข้อมูลจริงได้อย่างมั่นใจ Blupaper พร้อมช่วยจัดการ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ Conversion Optimization โดยเฉพาะ เราช่วยดูแลตั้งแต่ติดตั้ง Hotjar วิเคราะห์ Heatmap ตีความ Session Recording และวางแผนวัดผล

ติดต่อ Blupaper เลยตอนนี้! เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณให้ถึงขีดสุด ยอด Conversion พุ่งจนฉุดไม่อยู่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ Hotjar

Q: ถ้าใช้ Hotjar แล้วจะมีผลต่อความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed) ไหม?

A: Hotjar ถูกออกแบบมาให้มีผลกระทบต่อความเร็วของเว็บไซต์น้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบ Page Speed อยู่เสมอ และถ้าเว็บไซต์ช้าลงจริง ก็อาจพิจารณาเปิดใช้งาน Hotjar เป็นช่วง ๆ เพื่อเก็บข้อมูลเป็นหลักฐานในการปรับปรุง

Q: Hotjar ต่างจาก Google Analytics อย่างไร?

A: Hotjar โฟกัสพฤติกรรมหน้างาน เห็นคลิก เลื่อน ติดตรงไหนผ่าน Heatmap และ Session Recordings ส่วน Google Analytics จะบอกตัวเลขรวม เช่น ทราฟฟิกแหล่งไหน หน้าไหนคนเข้าเยอะ ดังนั้น ทางที่ดีก็ควรใช้คู่กันเพื่อให้ได้ข้อมูลครบขึ้น

Q: เว็บไซต์แบบไหนอาจยังไม่ค่อยเหมาะจะเริ่มใช้ Hotjar?

A: โดยทั่วไปแล้ว ทุกเว็บไซต์สามารถใช้ Hotjar เพื่อศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าได้ แต่มีบางเว็บไซต์ที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มใช้ Hotjar เช่น

  • ทราฟฟิกน้อยมาก เก็บอินไซต์ไม่พอ
  • หน้าไม่มีเป้าหมายให้ทำ ไม่มี CTA/ฟอร์ม
  • เว็บที่ถูกคุมเข้มเรื่องข้อมูลอ่อนไหว เช่น การเงิน/การแพทย์
  • เว็บที่ซีเรียสสปีด กลัวสคริปต์เพิ่มเวลาโหลด
  • แอปมือถือเนทีฟ iOS/Android
  • ระบบหลังบ้านที่ติดข้อจำกัดสิทธิ์และคอมพลายแอนซ์

Q: ต้องใช้ฟีเจอร์ไหนของ Hotjar ก่อนเป็นอันดับแรกในการทำ CRO?

A: แนะนำให้เริ่มจากการใช้ Scroll Heatmaps และ Click Heatmaps ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะช่วยให้เราเห็นภาพรวมว่าลูกค้าสนใจและเลื่อนดูเนื้อหาบนหน้าเว็บไปถึงส่วนไหน จากนั้นให้ตามด้วย Session Recording เพื่อเจาะลึกดูพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่แสดงสัญญาณความหงุดหงิด หรือผู้ใช้งานที่ซื้อสินค้า เพื่อให้วิเคราะห์ได้อย่างมีทิศทางและลื่นไหล

Q: ติดตั้ง Hotjar บนเว็บไซต์ทุกหน้าเลยได้ไหม?

A: ไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Hotjar บนเว็บไซต์ทุกหน้า จะได้ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร แต่ควรโฟกัสในหน้าที่มีความสำคัญต่อ Conversion เช่น หน้า Landing Page หน้าสินค้า หน้า Checkout หรือหน้าที่มี Bounce Rate สูง เพื่อให้สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้ตรงเป้าหมาย