ความหมายของ seo

SEO คืออะไร?

ถ้าพูดถึง SEO หรือ Search Engine Optimization แบบเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การทำให้เว็บของคุณถูกใจ Google เพื่อให้ติดอันดับบนหน้าแรกของผลการค้นหา แบบไม่ต้องเสียเงินโฆษณา หรือที่เรียกกันว่า Organic Search

ลองนึกภาพว่า Google เป็นเหมือนห้องสมุดขนาดยักษ์ และเว็บไซต์ของคุณคือหนึ่งในหนังสือที่อยู่ในนั้น ถ้าหนังสือของคุณมีเนื้อหาดี เข้าใจง่าย มีโครงสร้างเป็นระเบียบ และตอบคำถามของคนอ่านได้ Google ก็จะเลือกหยิบขึ้นมาโชว์บนหน้าแรก แปลว่าคนเจอเว็บคุณง่ายขึ้น ยอดเข้าชมก็เพิ่มขึ้น

แต่การทำ SEO ไม่ใช่แค่โยนคีย์เวิร์ดไปทั่ว ๆ แล้วหวังว่าจะติดอันดับ มันต้องมีเทคนิค เช่น

  • ปรับแต่งเว็บไซต์ ให้โหลดเร็ว ใช้งานง่าย
  • ใช้คีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ใส่เยอะ ๆ แต่ต้องใส่ให้พอดีและเป็นธรรมชาติ
  • สร้างคอนเทนต์คุณภาพ ที่มีประโยชน์ และตอบโจทย์คนค้นหา
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ ด้วยลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ (Backlink)

แล้วทำไมต้องทำ SEO? มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ มาดูข้อดีของ SEO กัน

  • ประหยัดค่าโฆษณาในระยะยาว ติดอันดับแล้ว ก็ไม่ต้องจ่ายเงินยิง Ads ตลอดไป
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ คนส่วนใหญ่มักจะคลิกเว็บที่อยู่ในผลการค้นหา แบบธรรมชาติ มากกว่าพวกที่ขึ้นว่า “โฆษณา”
  • สร้างโอกาสให้เว็บติดอันดับในระยะยาว ถ้าดูแล SEO ดี ๆ อัปเดตเนื้อหาสม่ำเสมอ เว็บคุณจะมีโอกาส อยู่หน้าแรกไปอีกนาน

สรุปง่าย ๆ คือ SEO เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับอนาคตของธุรกิจคุณ! ทำครั้งเดียว แต่ถ้าทำดี ผลลัพธ์อยู่ยาว

sem คือ

SEM คืออะไร?

ถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นหน้าแรก Google แบบไม่ต้องรอนาน SEM (Search Engine Marketing) คือคำตอบ พูดง่าย ๆ ก็คือ การทำโฆษณาบน Google (หรือที่หลายคนเรียกว่า Google Ads) ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไปโผล่ บนสุดของผลการค้นหา เหนือกว่าคนที่ทำ SEO แบบปกติ

ข้อดีของการทำ SEM คือ เร็ว แรง ทะลุชาร์ต แค่กดเปิดแคมเปญ เว็บไซต์ของคุณก็ขึ้นหน้าแรกได้ทันที ไม่ต้องรอให้ Google ค่อย ๆ ไต่ระดับอันดับให้ แต่แน่นอนว่า ความไวต้องแลกมาด้วยเงินเพราะ SEM ใช้ระบบ Pay Per Click (PPC) หรือก็คือ จ่ายเงินทุกครั้งที่มีคนคลิกโฆษณา ซึ่งถ้าคำค้นหานั้นฮิตมาก ค่าโฆษณาก็อาจจะแพงตามไปด้วย

ข้อดีของการทำ SEM

  • เห็นผลเร็ว แค่เปิดแคมเปญ เว็บไซต์ก็ขึ้นหน้าแรกทันที
  • ควบคุมงบได้ ตั้งงบประมาณรายวัน/รายเดือนเองได้ ไม่มีบานปลาย
  • เลือกกลุ่มเป้าหมายได้เป๊ะ จะเจาะจง พื้นที่ อายุ เพศ หรือความสนใจของลูกค้า ก็ทำได้หมด

สรุปเลยก็คือ ถ้าอยากให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกแบบด่วน ๆ SEM คือตัวเลือกที่ใช่ แต่ต้องจ่ายค่าคลิก

SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร?

ถ้าคุณอยากให้เว็บติดหน้าแรกบน Google คุณอาจเคยได้ยินทั้ง SEO และ SEM แล้วสงสัยว่า สองอย่างนี้ต่างกันตรงไหน? เพราะดูเผิน ๆ ก็เหมือนกัน ก็คือ ช่วยให้คนค้นหาเจอเว็บเรา แต่จริง ๆ แล้วมีจุดต่างที่สำคัญอยู่ 3 ข้อ

1. วิธีไต่อันดับ ใช้แรง vs. ใช้เงิน

SEO และ SEM มีเป้าหมายเดียวกัน แต่เส้นทางที่ใช้ขึ้นไปติดอันดับนั้นต่างกันสุดขั้ว

  • SEO (Search Engine Optimization): วิธีนี้ต้องลงทุนแรงและเวลา ต้องปรับแต่งเว็บไซต์ อัปเดตเนื้อหาให้มีคุณภาพ และสร้างความน่าเชื่อถือแบบธรรมชาติ (Organic) โดยไม่เสียเงินยิงโฆษณา
  • SEM (Search Engine Marketing): ทางลัดที่ใช้ เงิน ขับเคลื่อน ถ้าอยากให้เว็บขึ้นหน้าแรกเร็ว ๆ ก็จ่ายค่าโฆษณาผ่าน Google Ads ซึ่งคิดเงินตามจำนวนคลิก (CPC) หรือการแสดงผล (CPM)

สรุปง่าย ๆ SEO ใช้แรงปั้นระยะยาว ส่วน SEM ใช้เงินซื้อตำแหน่งระยะสั้น

2. การลงทุน ค่าแรง vs. ค่าโฆษณา

ทั้ง SEO และ SEM ต้องลงทุน แต่เลือกลงทุนไม่เหมือนกัน

  • SEO: ต้องใช้ทีมงานเก่ง ๆ เช่น SEO Specialist, นักเขียนคอนเทนต์, กราฟิกดีไซเนอร์, Web Developer รวมถึงเครื่องมือวิเคราะห์ SEO ต่าง ๆ ที่ช่วยให้เว็บเราเติบโตได้แบบยั่งยืน
  • SEM: ใช้เงินล้วน ๆ ค่าโฆษณาแปรผันตาม การแข่งขันของคีย์เวิร์ด คีย์เวิร์ดยิ่งฮิต ค่าโฆษณายิ่งแพง แต่ข้อดีคือ เห็นผลไว กดโฆษณาเช้านี้ บ่าย ๆ เว็บก็ขึ้นหน้าแรกแล้ว

สรุปง่าย ๆ SEO ใช้ทุนแรง-เน้นระยะยาว ส่วน SEM ใช้เงิน-เห็นผลเร็ว

3. ระยะเวลาเห็นผล อดทน vs. ทันใจ

เรื่องเวลาก็เป็นอีกจุดต่างใหญ่ระหว่าง SEO กับ SEM

  • SEO: ต้องใช้เวลา อย่างน้อย 3-6 เดือน ในการไต่อันดับ ต้องค่อย ๆ ปรับแต่งเว็บ อัปเดตเนื้อหา ทำ Backlink ให้ Google มองว่าเว็บเรามีคุณภาพพอที่จะแสดงผลบนหน้าแรก
  • SEM: แค่จ่ายเงินก็ขึ้นหน้าแรกได้ ในไม่กี่ชั่วโมง! ยิงโฆษณาปุ๊บ เว็บโผล่ปั๊บ แต่พอหยุดจ่ายเงิน อันดับก็หายทันที

สรุปง่าย ๆ: SEO ใช้เวลานานแต่ยั่งยืน ส่วน SEM มาเร็วไปเร็ว

แล้วสรุปควรทำอะไรดี?

ถ้าอยากให้เว็บติดอันดับแบบยั่งยืน  แนะนำทำ SEO ถ้าอยากเห็นผลทันที แต่ต้องมีงบ แนะนำทำ SEM แต่จริง ๆ แล้ว การทำทั้ง SEO + SEM ร่วมกันจะดีที่สุด ใช้ SEM ช่วยดึงคนเข้ามาก่อน แล้วใช้ SEO สร้างฐานลูกค้าในระยะยาว

SEO กับ SEM เลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจ?

ถ้ากำลังลังเลว่า SEO หรือ SEM อันไหนดีกว่ากัน? บอกเลยว่า ไม่มีคำตอบตายตัว! ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เป้าหมาย งบประมาณ และความเร็วที่อยากเห็นผลลัพธ์ ถ้าอยากติดอันดับไว เห็นผลทันที และงบไม่ใช่ปัญหาต้อง SEM (Google Ads) แต่ถ้าอยากให้คนค้นหาเจอคุณเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณาตลอด SEO คือทางเลือกที่ใช่

แล้วทำคู่กันได้ไหม? แน่นอน! จริง ๆ แล้ว การทำ SEO และ SEM ไปพร้อมกัน คือสูตรลับที่หลายธุรกิจใช้กัน

  • SEO สร้างความน่าเชื่อถือ ติดอันดับแบบ Organic คนเจอเว็บคุณโดยไม่ต้องเสียเงินโฆษณาตลอด
  • SEM (Google Ads) เหมาะกับช่วงที่ต้องการให้คนเข้าถึงเร็ว เช่น เปิดตัวสินค้าใหม่ หรือทำโปรโมชัน

ลองนึกภาพว่า ช่วงแรกยิงโฆษณาด้วย SEM ให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แล้วพอ SEO เริ่มแข็งแรง เว็บติดอันดับเองแบบไม่ต้องจ่ายเงินโฆษณาตลอด ทีนี้ก็ค่อย ๆ ลดงบ SEM ลง หรือเลือกใช้เฉพาะช่วงโปรโมชันก็ยังได้ คุ้มค่า คุ้มงบ และได้ผลระยะยาว

แต่ถ้ายังไม่แน่ใจว่า SEO กับ SEM ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร หรือควรเริ่มต้นกับอะไรเพื่อโปรโมทเว็บไซต์ของคุณ Blupaper เรามีผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มยอดขายและดันเว็บไซต์ของคุณให้ติดหน้าแรกอย่างยั่งยืน 

ปรึกษาเราตอนนี้ โทร. 098-989-5083 หรือเลือก ติดต่อเรา