Ads Quality Score คืออะไร?
Ads Quality Score หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า Quality Score คือ คะแนนคุณภาพของโฆษณา ที่ใช้ประเมินคุณภาพและความเกี่ยวข้องของโฆษณาในแต่ละแคมเปญ หรือพูดง่าย ๆ ว่า Quality Score คือ ตัวชี้วัด Google Ads ที่บอกว่า โฆษณาของคุณมีคุณภาพแค่ไหนในสายตา Google
โดย Google มีเกณฑ์การให้คะแนนตั้งแต่ 1–10 คะแนน 10 คือ ดีที่สุด และ 1 คือ แย่ที่สุด นั่นหมายความว่า ยิ่งคะแนนสูงก็ยิ่งดีต่ออันดับการแสดงผลและต้นทุนต่อคลิก (CPC) อีกด้วย
Quality Score สำคัญยังไงกับการยิงโฆษณา Google Ads?
ถ้าเปรียบการทำ Google Ads เหมือนการประมูลพื้นที่หน้าเว็บเพื่อโชว์โฆษณา Quality Score ก็เหมือนคะแนนความประพฤติของโฆษณาเรานั่นแหละ ยิ่งได้คะแนนสูง Google ก็จะยิ่งเอ็นดู ช่วยดันโฆษณาของเราให้ขึ้นไปอยู่ตำแหน่งดี ๆ แถมจ่ายเงินน้อยกว่าคู่แข่งที่คุณภาพไม่ถึงด้วย ความสำคัญ Quality Score ในการทำโฆษณา คือ
1. Quality Score ช่วยให้โฆษณาเราติดอันดับดีขึ้น (Ad Rank สูงขึ้น)
Quality Score เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่กำหนด Ad Rank ของเรา ที่จะบอกว่าโฆษณาของคุณจะไปอยู่ตรงไหนบนหน้าผลการค้นหา และจะถูกแสดงบ่อยแค่ไหน เพราะยิ่ง Quality Score สูงเท่าไหร่ โอกาสที่โฆษณาของเราจะปรากฏในตำแหน่งที่ดีกว่าก็ยิ่งมากขึ้นแม้จะไม่ได้ทุ่ม Bid ไปสูงก็ตาม
เพราะการมี Quality Score ดีกว่าคู่แข่ง เราก็มีสิทธิ์ที่โฆษณาจะผงาดขึ้นไปอยู่ตำแหน่งต้น ๆ ได้สบาย ๆ และนั่นหมายความว่า โอกาสที่โฆษณาของเราจะเข้าตาผู้คนมากขึ้น และมีคนคลิกเข้ามาเยอะขึ้นอีกด้วย
2. ช่วยลดต้นทุนต่อคลิก (Cost-Per-Click – CPC)
ยิ่งไปกว่านั้น Quality Score ที่สูงสามารถลด CPC ลงได้ ช่วยให้เราจ่ายเงินต่อการคลิกน้อยลง แต่ยังคงรักษาหรือเพิ่มตำแหน่งของโฆษณาได้ เพราะ Google อยากให้ผู้ใช้งานเจอโฆษณาที่ดี มีคุณภาพ และตรงใจที่สุด
ดังนั้น โฆษณาไหนที่คุณภาพจัดเต็มและตรงปก Google ก็จะให้รางวัลเป็นการลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการแสดงผลนั่นเอง
3. โฆษณาแสดงบ่อยขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า
เมื่อ Google รู้ว่าโฆษณาของเราดีและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน โฆษณาของเราก็จะมีโอกาสได้ออกไปอวดโฉมบ่อยขึ้น (Impression) และกระจายไปในวงกว้างได้มากขึ้น ซึ่งแปลว่าเราจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าตัวจริงได้มากขึ้น โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการเพิ่มงบประมาณประมูลให้สูงตาม
4. ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว (ROI ดีขึ้น)
เมื่อโฆษณาของคุณจ่ายค่าคลิกถูกลง ได้ขึ้นไปอยู่ตำแหน่งดี ๆ เข้าถึงคนได้มากขึ้น ส่งผลให้แคมเปญของเรามีพลังและคุ้มค่ามากขึ้น การลงทุนกับการทำ Google Ads ก็จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าเดิม หรือที่เราเรียกว่า ROI (Return on Investment) ที่ดีขึ้นในระยะยาวนั่นเอง
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ Quality Score
Quality Score หรือคะแนนคุณภาพของโฆษณา เป็นตัวที่ Google ใช้ตัดสินว่าโฆษณาของเราดีแค่ไหน ถ้าคะแนนสูง โฆษณาจะถูกแสดงบ่อยขึ้น และจ่ายน้อยลง ซึ่งคะแนนนี้ไม่ได้เดาสุ่ม ๆ แต่ Google ใช้ 3 ปัจจัยหลัก ๆ ในการคำนวณ ได้แก่
1. อัตราการคลิกผ่านที่คาดหวัง (Expected CTR)
ตัวนี้สำคัญสุด ๆ เพราะเป็นการประเมินว่าโฆษณานี้มีโอกาสถูกคลิกมากแค่ไหน? Google จะดูว่าโฆษณาเราน่าคลิกหรือเปล่า โดยอิงจาก
- ประวัติผลงานของ keyword นั้น
- ความน่าสนใจของข้อความโฆษณา
- สถิติการคลิกในอดีตของบัญชีเรา
ถ้าคนเห็นแล้วรู้สึกอยากคลิก จะทำให้คะแนนสูง เพราะนั้นแปลว่าโฆษณาเราตอบโจทย์ และ Google ก็อยากให้โฆษณาดี ๆ แบบนี้ได้แสดงผลบ่อย ๆ
2. ความเกี่ยวข้องของโฆษณา (Ad Relevance)
Google จะดูว่าโฆษณาที่แสดง มันตรงกับที่ผู้ใช้ค้นหาหรือเปล่า? เพราะถ้ายิ่งตรงมาก คะแนน Quality Score ก็จะยิ่งดี เช่น ผู้ใช้เสิร์ชว่า “รองเท้าวิ่งสีดำ” แต่โฆษณาดันขึ้นแค่คำว่า “รองเท้า” แบบนี้ถือว่ายังไม่ตรงพอ
3. ประสบการณ์บนหน้า Landing Page (Landing Page Experience)
หลังคลิกโฆษณาแล้ว ผู้ใช้จะไปเจอหน้าเว็บไซต์ของเราใช่ไหม? Google จะสแกนเลยว่า หน้าเว็บนั้นดีแค่ไหน โดยดูว่า
- โหลดเร็วหรือเปล่า?
- เนื้อหาตรงกับโฆษณาจริงไหม?
- ใช้งานง่าย อ่านง่าย ปุ่มกดไม่งง
- มีข้อมูลชัดเจน และ Call-to-Action (CTA) กระตุ้นให้ทำอะไรบางอย่าง เช่น สั่งซื้อ สมัคร หรือแชท
ถ้า Landing Page ใช้งานดี มีคุณภาพ Google ก็ยิ่งรัก คะแนนคุณภาพก็ยิ่งพุ่ง
สรุปง่าย ๆ ก็คือ โฆษณาจะได้ Quality Score ดี จะต้องน่าคลิก ตรงคำค้น และเว็บไซต์ดี ถ้าใส่ใจ 3 เรื่องนี้ให้ครบ รับรองว่าโฆษณาของคุณจะคุ้มค่าทุกบาทที่จ่ายแน่นอน

วิธีเพิ่ม Quality Score บน Google Ads
พอเข้าใจแล้วว่าอะไรบ้างที่ส่งผลต่อ Quality Score ก็ถึงเวลาลงมือจริง ถ้าอยากให้โฆษณาของคุณมีคะแนนดีขึ้นในสายตา Google แถมยังจ่ายน้อยลงแต่ได้ผลมากขึ้น มาดูเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยเพิ่ม Quality Score กันดีกว่า
1. ปรับปรุงข้อความโฆษณาให้เกี่ยวข้องและดึงดูดใจ
- ใส่คีย์เวิร์ดในข้อความ พยายามแทรกคีย์เวิร์ดลงใน Headline และ Description ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นธรรมชาติ อย่ายัดเยียดจนคนอ่านงง เพราะ Google ก็จับได้นะ
- เขียนข้อความให้น่าสนใจ ใช้ภาษาที่ชวนคลิก เช่น “ส่งฟรีวันนี้เท่านั้น!” หรือ “ลดสูงสุด 50%” แล้วเน้นสิ่งที่ลูกค้าจะได้ประโยชน์จริง ๆ
- เติม Ad Extensions ให้ครบ เช่น Callout (จุดเด่น), Sitelink (ลิงก์ไปหน้าอื่น ๆ) หรือ Structured Snippets เพื่อให้โฆษณาดูครบและคลิกน่าเชื่อถือมากขึ้น
2. ปรับปรุงหน้า Landing Page ให้มีคุณภาพ
- เนื้อหาต้องตรงกับโฆษณา เมื่อคนคลิกโฆษณาแล้ว เนื้อหาบนหน้า Landing Page ต้องเกี่ยวข้องกับที่เขาค้นหา ไม่ใช่พาไปคนละเรื่อง
- โหลดไวคือหัวใจ ใช้เครื่องมืออย่าง PageSpeed Insights ตรวจเช็ก แล้วปรับให้โหลดไวทันใจ ไม่งั้นคนปิดหนีหมด
- ใช้งานง่าย และ Mobile-Friendly ดีไซน์หน้าให้สะอาด อ่านง่าย มีปุ่มชัดเจน และรองรับการแสดงผลบนมือถือ เพราะส่วนใหญ่คนเสิร์ชจากมือถือกันทั้งนั้น
3. เลือกและจัดการ Keyword อย่างมีกลยุทธ์
- เลือกคำที่ตรงเป้า ใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณขาย และเจาะกลุ่มผู้ที่มีแนวโน้มจะซื้อ ไม่ใช่แค่เข้ามาดูเล่น ๆ
- จัดกลุ่มให้ดี (Ad Group) แยกคีย์เวิร์ดตามธีมหรือหมวดหมู่ แล้วเขียนโฆษณาให้เจาะจงกับแต่ละกลุ่ม เพื่อให้ Relevance สูงที่สุด
- ใส่ Negative Keywords ตัดคำที่ไม่เกี่ยวข้องออก เช่น ถ้าขายของแท้ ก็ใส่คำว่า ของปลอมเป็น Negative Keyword เพื่อไม่ให้โฆษณาไปแสดงในคำที่ไม่ใช่เป้าหมาย
4. ตรวจสอบประสิทธิภาพและปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอ
- ดู CTR (Click-Through Rate) ถ้าคีย์เวิร์ดไหน CTR ต่ำ อาจต้องปรับข้อความหรือเปลี่ยนหน้า Landing Page ให้ตรงใจมากขึ้น
- ใช้รายงาน Quality Score ให้เป็นประโยชน์ Google Ads มีรายงานคะแนนให้ดูว่าคีย์เวิร์ดไหนยังต้องปรับ อัปเดตอยู่เรื่อย ๆ แล้วจะคุมงบได้ดีขึ้นแบบไม่ต้องเดาสุ่ม

Quality Score ต่ำทำยังไงดี?
ถ้าเจอปัญหา Quality Score ต่ำใน Google Ads แล้วเริ่มท้อใจ บอกเลยว่าไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่เจอปัญหานี้ แต่ข่าวดีคือ มันแก้ได้ ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ แล้วคะแนนจะค่อย ๆ ดีขึ้นแน่นอน
1. เช็กให้ชัดว่า Keyword ไหนมีคะแนนต่ำ
เริ่มต้นด้วยการค้นหา Keyword ที่มีคะแนน 1–3 คะแนนก่อน เพราะมันคือตัวการที่ทำให้โฆษณาของคุณไม่เวิร์กเท่าที่ควร
2. วิเคราะห์สาเหตุหลักที่ทำให้คะแนนต่ำ
- Expected CTR ต่ำ โฆษณาไม่ดึงดูด หรือไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ ลองเขียน Ad Copy ใหม่ให้ปังขึ้น หรือใส่ Ad Extensions เพิ่มลูกเล่นให้โฆษณาน่าสนใจยิ่งขึ้น
- Ad Relevance ต่ำ Keyword ในโฆษณาไม่แมตช์กับคำค้นของผู้ใช้ ปรับข้อความให้มี Keyword ตรง ๆ หรือแยกไปอยู่ใน Ad Group ที่เข้ากันมากกว่า
- Landing Page Experience ต่ำ หน้าเว็บไซต์โหลดช้า ไม่ตรงประเด็น หรือใช้งานยาก ตรวจสอบความเร็วเน็ต ปรับเนื้อหา และรีดีไซน์ UI/UX ให้ใช้งานง่ายขึ้น
3. แยก Ad Group ที่ปะปนกันเกินไป
ถ้า Ad Group หนึ่งมีหลาย Keyword แล้วบางคำทำคะแนนตก แนะนำให้แยกคำเหล่านั้นออกไปสร้างเป็น Ad Group ใหม่เฉพาะทาง พร้อมข้อความโฆษณาและหน้า Landing Page ที่ตรงเป๊ะกับ Keyword นั้น ๆ
4. หยุด Keyword ที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์
บาง Keyword พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้น ลองหยุดใช้งานไปก่อน เพื่อลดผลกระทบต่อคะแนนรวมของบัญชี และหันไปโฟกัสคำที่มีแนวโน้มทำผลงานได้ดีกว่า
ยิงแอดให้ปังแบบมือโปรกับ Blupaper
Ads Quality Score ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ต้องรู้ แต่คือส่วนสำคัญที่จะทำให้ Google Ads ไปสู่ความสำเร็จ การทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับ Quality Score จะช่วยให้ลดต้นทุนต่อการคลิก เพิ่มตำแหน่งการแสดงผลของโฆษณา และเพิ่ม ROI ได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้น ใครที่อยากลดต้นทุน เพิ่มผลลัพธ์ และวัดประสิทธิภาพแคมเปญแบบมือโปร ต้องเริ่มหันมาใส่ใจดูแลและเพิ่มคะแนนตัวนี้อย่างจริงจังได้แล้ว
หากคุณยังไม่มั่นใจว่าแคมเปญที่รันอยู่มีคะแนนคุณภาพดีพอหรือยัง Blupaper พร้อมช่วย ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะวิเคราะห์ Google Ads แบบเจาะลึก และวางกลยุทธ์ยิงแอดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและคุ้มค่าที่สุด ได้คะแนนดี ติดหน้าแรกแบบคุ้มทุกคลิก! สนใจติดต่อเพื่อปรึกษาฟรีได้เลยวันนี้ หรือ โทร. 098-989-5083