Shopee Ads คืออะไร?
Shopee Ads คือ ระบบโฆษณาภายในแอป Shopee ที่ช่วยให้สินค้าหรือร้านค้าของเราขึ้นแสดงในตำแหน่งต่าง ๆ ภายในแพลตฟอร์ม เช่น หน้าแรก หน้าค้นหา หรือในหน้าสินค้าที่ใกล้เคียงกัน
พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นการยิงแอดให้ผู้ซื้อเห็นสินค้าของเราใน Shopee ได้ง่ายขึ้น เมื่อพวกเขาพิมพ์คำค้นหาแล้วเจอสินค้าเราก่อนใคร ก็จะช่วยให้เรามีโอกาสขายได้มากขึ้นทันที
Shopee Ads มีประเภทบ้าง?
ก่อนจะทำโฆษณาขายสินค้าผ่าน Shopee เราต้องรู้จักประเภทโฆษณาแต่ละประเภทให้ดีซะก่อน โดยที่โฆษณาแต่ละแบบ ตอบโจทย์คนละช่วงในการตัดสินใจซื้อของผู้ซื้อ (Funnel) ซึ่งการทำโฆษณาบน Shopee มีอยู่ 3 รูปแบบ ได้แก่
1. Keyword Ads
Keyword Ads คือ วิธียิงแอดให้แสดงบนหน้าผลการค้นหาเมื่อผู้ซื้อพิมพ์คำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของเราผ่านการเสิร์ช ซึ่งจะได้ผลดีกับคนที่พร้อมซื้อแล้ว ข้อดีของ Keyword Ads คือ
- เน้นเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าที่พร้อมซื้อ มีโอกาสปิดการขายสูง
- เลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกับสินค้าได้ ด้วยคำที่เหมาะสมกับสินค้ามากที่สุด เพื่อลดการแข่งขันและได้คอนเวอร์ชันที่ดี
- ปรับแต่งง่าย เลือกคีย์เวิร์ดได้เอง หรือใช้ระบบอัตโนมัติที่ Shopee แนะนำ เหมาะกับคนที่ไม่เคยยิงแอดบน Shopee มาก่อน
- ผลลัพธ์ชัดเจนวัดได้จากการคลิก (CTR) และอัตราการแปลง (Conversion Rate)
- ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ด เพิ่มยอดขายใน Shopee ให้มากขึ้น
- วางงบได้ตามใจ กำหนดงบเอง วางแผนรายวันให้สอดคล้องกับเป้ายอดขายได้ตลอดเวลา
2. Discovery Ads
Discovery Ads คือ โฆษณาที่ขึ้นในตำแหน่งแนะนำต่าง ๆ เช่น หน้าหลัก หน้ารายการที่คุณอาจชอบ และหน้ารายละเอียดสินค้าที่ใกล้เคียง เป็นต้น ช่วยให้สินค้าของเราไปโผล่ต่อหน้ากลุ่มที่มีแนวโน้มสนใจ แม้เขาจะยังไม่ได้ค้นหาคำใด ๆ ก็ตาม ข้อดีของ Discovery Ads คือ
- ขยายการเข้าถึง แสดงสินค้าของเราในหน้าต่าง ๆ เพื่อให้ผู้คนเห็นสินค้าได้มากขึ้นก่อนเริ่มค้นหา
- เพิ่มยอดขาย โฟกัสคนที่สนใจสินค้าที่คล้ายกับสินค้าของเราได้มากขึ้น
- กำหนดงบประมาณได้เอง ตั้งงบต่อแคมเปญและจ่ายเฉพาะเมื่อมีคนคลิก (CPC)
3. Shop Ads
Shop Ads คือ โฆษณาที่พาร้านของเราไปโชว์อยู่ในตำแหน่งเด่นบริเวณผลการค้นหา เน้นไปที่การดึงผู้ซื้อเข้าหน้าร้านให้เข้ามาเลือกสินค้าภายในร้านให้มากขึ้น ด้วยการปรับแต่งโฆษณา ทั้ง Tagline รูปโปรไฟล์ร้านค้า
ปัจจุบันนี้ Shop Ads กำลังอยู่ในช่วงทดลองใช้งาน โฆษณาจึงจะแสดงที่ตำแหน่งบนสุดของหน้าผลการค้นหาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Shopee Ads กำลังพัฒนาเพื่อให้พร้อมต่อการโปรโมตสินค้ามากขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ข้อดีของ Shop Ads คือ
- เพิ่มการมองเห็นของร้านค้าแสดงร้านค้าของเราที่บนสุดของหน้าการค้นหา เมื่อคนเห็นเราก่อน ก็มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมร้านเรามากขึ้น
- เข้าถึงผู้ซื้อถูกกลุ่ม โฟกัสคนที่สนใจหมวดหมู่ตรงกับร้านของเรา เพิ่มโอกาสปิดการขาย
- เพิ่มยอดขาย เมื่อพวกเขาเข้ามาที่หน้าร้านของเราแล้ว ก็มีสิทธิ์เลือกซื้อสินค้าไปหลายชิ้น แถมยังขาย Cross-Sell / Upsell ได้ง่าย

ยิง Shopee Ads ดีอย่างไร?
- ลูกค้าที่พร้อมซื้อเห็นเราก่อน การโปรโมตสินค้าบน Shopee จะโชว์บนหน้าค้นหาและหน้าแนะนำ ช่วยให้เราได้ดีมานด์ร้อน ๆ ก่อนใคร
- คุมงบง่าย ไม่บานปลาย คิดค่าโฆษณาแบบ CPC ทำให้เราจ่ายแค่ตอนที่มีผู้ซื้อคลิก สามารถเริ่มจากงบเล็ก ๆ แล้วค่อยขยายตามผลได้ในภายหลัง
- ปั้นยอดไวทั้งสินค้าและร้านค้า ดัน SKU ด้วย Discovery ร่วมกับ Keyword และดันตะกร้าด้วย Shop Ads
- วัดผลชัดเจน ทั้ง CTR, CPC, Conversion, ROAS และ AOV
- เจาะกลุ่มเป้าหมายตรงใจ ส่งทราฟฟิกไปยังหมวดที่เราอยากดัน พร้อมเพิ่มอัตราแปลงได้
- ปรับสเกลได้ตามแคมเปญ ทั้ง Payday หรือเทศกาลอื่น ๆ เราสามารถเพิ่มงบชั่วคราว หรือปิดโปรแล้วผ่อนกลับได้ตลอดเวลา
- ยกระดับภาพแบรนด์ โลโก้และแท็กไลน์หน้าร้านที่โดดเด่น สร้างความน่าเชื่อถือและการจดจำ
- ซัพพอร์ต TikTok Ads อย่างต่อเนื่อง คนเห็นคลิปแล้วกลับมาเจอเราบน Shopee ซ้ำ เป็นการสร้างการจดจำที่ช่วยให้ผู้ซื้อคลิกง่าย ซื้อเร็วยิ่งขึ้น

ทำไมควรใช้ Shopee Ads ควบคู่กับ TikTok Ads?
เมื่อทำ TikTok Ads ร่วมกับการทำ TikTok Marketing จุดไฟความอยากซื้อมาแล้ว Shopee Ads ก็ทำหน้าที่ปิดการขายกับลูกค้าที่พร้อมควักเงินต่อได้ทันที ด้วยเหตุผลอะไรบ้างไปดูกัน!
1. เปลี่ยน Awareness เป็น Conversion
TikTok ทำหน้าที่สร้าง Awareness และความสนใจด้วยวิดีโอสั้น แต่ Shopee Ads คือด่านปิดการขาย (Conversion) ที่ลูกค้าคุ้นมือและเชื่อใจกว่า ช่วยให้การซื้อขายลื่นไหลตั้งแต่สนใจไปจนตัดสินใจซื้อได้โดยไม่สะดุดกลางทาง
2. ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ซื้อ
ส่วนสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะชอบและสนใจสินค้าจาก TikTok แต่เลือกซื้อบน Shopee เพราะคูปอง โปรโมชัน ไปจนถึงวิธีการชำระเงินที่ง่ายดาย
การทำโฆษณาสินค้า Shopee Ads ควบคู่ไปด้วย ก็เหมือนเรารอลูกค้าอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ลดโอกาสที่พวกเขาจะหลุดไปหาคู่แข่งได้
3. ใช้คีย์เวิร์ดเดียวกันให้หาเจอได้ง่ายขึ้น
การเลือกใช้คีย์เวิร์ด หรือคำโปรยในคลิป TikTok ให้สอดคล้องกับชื่อสินค้าและคีย์เวิร์ดสินค้าเราใน Shopee จะช่วยให้เมื่อคนมาเสิร์ช Shopee Ads จะช่วยให้พวกเขาเจอสินค้าของเราทันทีผ่าน Keyword Ads ดึงผู้ซื้อได้อย่างถูกที่ถูกเวลา
4. Retargeting แบบธรรมชาติด้วย Discovery Ads
หลังดูคลิปแล้ว ผู้ใช้มักกลับไปเล่นแอปช้อปปิ้งต่อ Discovery Ads จาก Shopee ก็จะพาสินค้าเราไปโผล่บนหน้าแนะนำ หรือหน้าสินค้าที่คล้ายกันทันที เป็นเหมือนการทำ Retargeting แบบเบา ๆ ให้เห็นเราอีกครั้งโดยไม่ต้องตั้งระบบซับซ้อน
5. ต่อชีวิตคอนเทนต์ให้ยาวขึ้น
คลิป TikTok อาจมีช่วงพีกแค่ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อเราทำควบคู่ไปกับ Shopee Ads เราก็สามารถรีไซเคิลคลิปได้ต่อ ด้วยการอัปคีย์เวิร์ดหรือหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดันทราฟฟิกและยอดขายให้ต่อเนื่องได้ แม้กระแสคลิปจะเริ่มซาลงแล้วก็ตาม
อ่านบทความที่น่าสนใจ:5 เคล็ดลับ! ปั้นคลิป TikTok ยังไงให้ฮอตฮิตติดเทรนด์

วิธียิงแอด Shopee มีขั้นตอนอะไรบ้าง?
Shopee Ads มีตั้ง 3 แบบ แล้วแต่ละแบบมีวิธียิงแอดอย่างไรบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย
Keyword Ads
1. เลือกสินค้าที่ต้องการทำโฆษณา
อาจเริ่มจากเลือกสินค้าขายดีหรือยอดนิยมก่อน จากนั้นเช็กให้ชัวร์ว่าอัปเดตชื่อสินค้า รูปภาพ และรายละเอียดสินค้าครบถ้วน ถูกต้อง อ่านแล้วรู้ทันทีว่าขายอะไร เด่นตรงไหน โดยทางที่ดี ชื่อสินค้าควรมีคีย์หลัก พร้อมคุณสมบัติเด่น เช่น “เดรสผู้หญิงคอวี ผ้าไม่ยับ พร้อมส่ง” เป็นต้น
2. เลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้า
เมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว ต่อมาก็คือการเลือกคีย์เวิร์ด ซึ่งสามารถทำได้ 2 แบบ ดังนี้
- Shopee แนะนำคีย์เวิร์ดอัตโนมัติ ซึ่งสะดวกสำหรับมือใหม่มาก ๆ
- กำหนดคีย์เวิร์ดด้วยตัวเอง ถ้าเรารู้คำที่ลูกค้าค้นจริง
ในกรณีที่อยากกำหนดคีย์เวิร์ดเอง Blupaper แนะนำให้ทำชุดคีย์เวิร์ด 3 ชั้น เพื่อครอบคลุมดีมานด์ให้ได้มากที่สุด เช่น
- Core คำกว้าง ๆ ที่ตรงกับสินค้า เช่น “เดรสผู้หญิง”
- Long-tail คำที่เจาะลงละเอียดมากขึ้น เช่น “เดรสผู้หญิงสีดำคอวี” หรือ “เดรสออกงานผ้าไหม”
- Intent คำที่บอกช่วยกระตุ้นให้ซื้อ เช่น “พร้อมส่ง”, “ราคาถูก” หรือ “ลดราคา”
3. ตั้งค่าราคาประมูลคีย์เวิร์ดที่เลือกไว้
เลือกคีย์เวิร์ดเสร็จ ก็ต้องตั้งราคาประมูล หรือราคาต่อคลิกสูงสุดที่เราจ่ายได้ โดยมีทริกเล็ก ๆ ในการกำหนดราคามาฝาก ดังนี้
- ตั้งสูงกว่าค่าแนะนำเล็กน้อยสำหรับคำที่ทำเงิน
- ตั้งกลาง ๆ สำหรับ Long-tail ที่คอนเวิร์ทดี มีคู่แข่งน้อย
- ลดหรือพักการ Bid คำที่คลิกเยอะแต่ขายไม่ออก
4. ตั้งค่างบประมาณและระยะเวลาการทำโฆษณา
Shopee Ads ให้เรากำหนดงบต่อวันและเครดิตโฆษณาให้พอดีกับเป้าการขาย ไปจนถึงกำหนด ระยะเวลารัน เพื่อเก็บข้อมูลจริงช่วงทดสอบได้ โดยโฆษณา Shopee จะหยุดอัตโนมัติก็ต่อเมื่อ
- งบต่อวันที่ตั้งไว้หมด
- เครดิตโฆษณาหมด
- ครบกำหนดสิ้นสุดแคมเปญตามที่กำหนดไว้
Discovery Ads
1. เลือกสินค้าที่ต้องการทำโฆษณา
เช่นเดียวกันกับ Keyword Ads คือ เราต้องเลือกสินค้าที่อัปเดตชื่อสินค้า รูปภาพ และรายละเอียด ให้ถูกต้อง ชัดเจน และสื่อจุดขายให้เรียบร้อยซะก่อน โดย Shopee Ads เองก็ได้แนะนำไว้ว่า ควรเลือกสินค้าที่มีสัญลักษณ์ Thumbs Up เพราะสินค้าประเภทนี้มักขายดี มียอดเข้าชมสูง เหมาะสำหรับการทำโฆษณาขายสินค้า เพราะมีโอกาสได้ CTR ดีและปิดยอดง่ายกว่าสินค้าชิ้นอื่น ๆ
2. ตั้งค่างบประมาณและระยะเวลาการทำโฆษณา
ขั้นตอนนี้ทำเหมือนกับ Keyword Ads คือ ตั้งงบรายวัน เครดิตโฆษณา กำหนดวันเริ่ม – วันจบ ของแคมเปญ จากนั้นโฆษณาจะหยุดเองอัตโนมัติเมื่องบรายวันหมด เครดิตโฆษณาหมด และครบกำหนดสิ้นสุดแคมเปญตามที่ตั้งเอาไว้
Shop Ads
1. ตั้งค่างบประมาณและระยะเวลาการทำโฆษณา
แน่นอนว่าการยิง Shopee Ads ทั้ง 3 ประเภท จะต้องตั้งงบรายวัน เครดิตโฆษณา กำหนดระยะเวลาให้เรียบร้อย เพื่อเรานำมาวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และมีเงื่อนไขการหยุดโฆษณาเองอัตโนมัติแบบเดียวกัน คือ งบประมาณที่ตั้งไว้หมด เครดิตโฆษณาหมด และสิ้นสุดระยะเวลาการทำโฆษณา Shopee ตามที่กำหนดไว้
2. เลือกรูปภาพโฆษณาและคำโปรยร้านค้า
ต่อมาก็คือการเตรียมสินค้าให้พร้อมขาย โดยตั้งเป้าไว้ว่าเราอยากทำให้ผู้ซื้อเข้าใจร้านได้ภายใน 1 บรรทัด และอยากกดเข้ามาเยี่ยมชมร้านของเราต่อ เช่น
- ใช้ภาพโปรไฟล์ร้านที่คมชัดและสื่อแบรนด์ได้ชัดเจน
- เขียน Tagline สั้น ๆ บอกจุดขายและหมวดเด่นของร้าน เช่น “เดรสผู้หญิงดีไซน์เรียบหรู พร้อมส่งทุกวัน” หรือ “สกินแคร์ออร์แกนิก ลดแพ้ง่าย มีคูปองร้านทุกสัปดาห์” เป็นต้น
3. เลือก Landing Page ให้ตรงเป้า
เลือกว่าหลังจากคลิกแล้วจะไปที่หน้าร้านหลัก หรือหมวดสินค้าที่อยากดัน ตามคอลเลกชันที่เราตั้งไว้ เช่น ถ้าร้านมีหลายหมวด การส่งเข้าหน้าคอลเลกชันขายดี/สินค้าใหม่ จะช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้เร็วขึ้น
4. เลือกคีย์เวิร์ดให้สอดคล้องกับหมวดหมู่
เช่นเดียวกับการยิงแอดแบบ Keyword Ads คือ เราเลือกใช้ได้ทั้งคีย์เวิร์ดที่ระบบ Shopee Ads แนะนำ หรือกำหนดเองก็ได้ โดยอาจโฟกัสคีย์เวิร์ดแบบหมวดหมู่ที่สะท้อนตัวตนร้าน เช่น
- เดรสผู้หญิง
- รองเท้าแตะผู้หญิง
- สกินแคร์สำหรับผิวแพ้ง่าย
หรือเพิ่ม Long-tail ให้กับหมวดหมู่ เพื่อให้ได้ทราฟฟิกเพิ่มขึ้นก็ได้ เช่น
- เดรสทำงานผู้หญิง
- รองเท้าแตะผู้หญิงใส่สบาย
5. ตั้งค่าราคาประมูลในแต่ละ Keyword
ขั้นสุดท้ายคือ ตั้งราคาประมูลคีย์เวิร์ด ซึ่งเป็นราคาสูงสุดต่อการคลิกหนึ่งครั้งที่ร้านค้าต้องจ่าย โดยสามารถใช้ทริกเดียวกับการยิงแอด Shopee แบบ Keyword Ads ได้เลย
เพิ่มยอดขาย Shopee ง่าย ๆ ด้วย Shopee Ads
ทำ TikTok Ads แล้ว อย่าปล่อยให้ยอดขายหลุดมือ! ปิดเกมให้จบใน E-Commerce อย่าง Shopee ด้วย Shopee Ads เครื่องมือการทำโฆษณาที่ทั้งคุมงบง่าย เริ่มต้นได้แม้งบจะน้อย แต่เพิ่มยอดขาย Shopee ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณกำลังมองหาทีมงานมืออาชีพมาช่วยวางแผนวิธียิงแอด Shopee อย่างครบวงจร พร้อมปิดยอดให้ปังกว่าเดิม ปรึกษา Blupaper ฟรี! ให้คุณบริหารงบประมาณได้อย่างยืดหยุ่นและวัดผลได้ชัดเจน
- โทร. 094-454-2495
- Line: @blupaper
- Facebook: Blupaper Digital Marketing Agency
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Shopee Ads
Q: มือใหม่เลือกทำ Shopee Ads แบบไหนดี?
A: มือใหม่สามารถเริ่มทำ Discovery Ads ควบคู่ไปกับ Keyword Ads ได้ทันที
เพื่อเพิ่มการมองเห็นก่อนค้นหาและเพิ่มโอกาสซื้อจากลูกค้าที่เสิร์ชไปพร้อม ๆ กัน
Q: ทำยังไงให้เพิ่มยอดขาย Shopee ได้อย่างยั่งยืน?
A: ทำการทดสอบ วัดผล และเพิ่มงบกับคำ ครีเอทีฟ หรือคอลเลกชันที่ ROAS ดี พร้อมปรับหน้าสินค้า ไปจนถึง Sync ภาษา กับคีย์เวิร์ดในคอนเทนต์ TikTok อยู่เสมอ ช่วยรักษาอัตราการเพิ่มยอดขายบน Shopee ให้ยั่งยืนได้
Q: งบน้อยควรเริ่มแบบไหนก่อน?
A: หากมีงบน้อย อาจเริ่มจาก Keyword Ads ที่ใช้ Long-tail ก่อน เพื่อเก็บดีมานด์ จากนั้นค่อย ๆ เพิ่ม Discovery Ads ไปกับ 1–2 SKU หน้าที่มาแรง เมื่อ ROAS ดีขึ้นค่อยขยายเพิ่มเติม
Q: ร้านค้าเล็ก ๆ ที่มีไม่กี่ SKU ใช้ Shop Ads ดีไหม?
A: ได้ ร้านค้าขนาดเล็กที่มีคอลเลกชันหรือหมวดหมู่ที่ชัดเจนและอยากเพิ่ม AOV ก็สามารถเลือกใช้ Shop Ads ได้ แต่ถ้ามีงบจำกัดมาก ควรโฟกัสไปที่ Keyword Ads และ Discovery Ads ก่อน
Q: ต้องมีงบเท่าไหร่ถึงจะเหมาะต่อการเริ่มทำ Shopee?
A: สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่วันละ 50 – 100 บาท/ประเภท หรือ 300 – 400 บาท/สินค้า เมื่อทดสอบจนเจอสินค้าที่ทำเงินได้ ค่อยเพิ่มงบประมาณขึ้นหลังจากเพิ่มยอดขายก็ได้เช่นกัน